30-05-2019

เหรียญส่วนบุคคลโมเนโร ทางเลือกในการอำพรางตัวตน

บทความโดย
เหรียญดิจิตอล Monero

ส่วนแบ่งของบิทคอยน์ในตลาดเงินคริปโตกำลังลดลง โดยบรรดาเหรียญดิจิทัลทางเลือกมากมายกำลังเบ่งบานมากขึ้นนื่องจากบรรดานักพัฒนาทั้งหลายต่างแข่งขันกันสร้างเงินสดดิจิทัลที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงในธุรกรรมเชิงพาณิชย์และทางการเงิน

เนื่องจากบรรดา “อัลทคอยน์” หรือเหรียญทางเลือกต่างๆกำลังทวีความสำคัญมากขึ้น รอยเตอร์จึงได้จัดทำงานรายงานพิเศษเพื่อทำการวิเคราะห์จุดเด่นและลักษณะของบรรดาเหรียญทางเลือกที่เข้ามาแข่งกับบิทคอยน์ซึ่งได้รับการจับตามองจากบรรดานักพัฒนา นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแล

ในตอนแรกของรายงานพิเศษชิ้นนี้จะนำเสนอเรื่องราวของโมเนโร ซึ่งได้รับการกล่าวถึงในฐานะเหรียญส่วนบุคคลหรือ Privacy Coin เนื่องจากเหรียญประเภทนี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถซ่อนรายละเอียดทางธุรกรรมแทบทั้งหมดเป็นความลับได้ เหรียญโมเนโรเป็นที่ใช้งานแพร่หลายมากขึ้นในธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2014 โมเนโรเติบโตขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 12 ของสกุลเงินคริปโตเมื่อวัดจากมูลค่าตามราคาตลาดซึ่งขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โมเนโรต่างจากบิทคอยน์อย่างไร

ทุกๆธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับโมเนโรจะมีการปิดบังอำพรางแอดเดรสทางดิจิทัลของทั้งผู้รับและผู้ส่ง เช่นเดียวกับมูลค่าของธุรกรรมที่เกิดขึ้น จุดเด่นตรงนี้ทำให้ผู้ใช้งานโมเนโรสามารถปิดบังอำพรางตัวตนได้เกือบสมบูรณ์แบบ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถส่งเงินสดดิจิทัลได้ทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้

เดิมทีบิทคอยน์เองก็ถูกมองว่าไม่ได้โปร่งใส เนื่องจากตัวตนของเจ้าของกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้ส่งและรับบิทคอยน์ไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ

แต่รายละเอียดของธุรกรรมต่างๆจะถูกบันทึกเอาไว้ถาวรบนระบบบล็อกเชนหลังจากการรับส่งบิทคอยน์เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ในทางปฏิบัติเป็นการทิ้งร่องรอบให้สามารถใช้ติดตามตัวตนของผู้ใช้งานได้ จุดนี้เองได้กลายเป็นการง่ายมากสำหรับบริษัทต่างๆในการคิดค้นวิธีการในการวิเคราะห์ธุรกรรมบนบล็อกเชน

ทำไมโมเรโรจึงได้รับความสนใจ

หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนอร์เวย์ได้เปิดเผยรายละเอียดของคดีการลักพาตัวภรรยาของมหาเศรษฐีนักธุรกิจรายหนึ่งที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พวกเขากล่าวว่า ทางครอบครัวได้เรียกค่าไถ่ในรูปของเงินคริปโต สื่อท้องถิ่นรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาต้องการค่าไถ่ให้จ่ายมาในรูปของโมเนโร

การเรียกร้องที่ไม่ปกตินี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่เติบโตขึ้นในกลุ่มอาชญากรที่ต้องการทางเลือกอื่นนอกเหนือจากบิทคอยน์ ซึ่งในช่วงทศวรรษแรกของบิทคอยน์นั้นเป็นเงินคริปโตที่ได้รับความนิยมในกิจกรรมผิดหฎหมายมากมายตั้งแต่การซื้อของเถื่อนไปจนถึงการฟอกเงิน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์และบรรดาหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระบุ

อย่างไรก็ตามด้านผู้ที่สนับสนุนบิทคอยน์ก็กล่าวว่า เงินสดในระบบเองก็ถูกใช้อย่างแรพ่หลายในหมู่อาชญากรเช่นกัน

การใช้งานโมเนโรในตลาดดาร์คเนต (darknet) เพิ่มขึ้น โดยดาร์คเน็ต (darknet) ซึ่งเป็นบรรดาเว็บไซต์ที่ใช้ซื้อขายของผิดกฎหมายตั้งแต่ยาเสพติดไปจนถึงรถที่ถูกโจรกรรมมา ทอม โรบินสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลของเอลลิปติก บริษัทในกรุงลอนดอนผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์เพื่อการติดตามข้อมูลธุรกรรมบนบล็อคเชนสำหรับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างและบริษัทเอกชน กล่าวกับรอยเตอร์

ประมาณ 3 ใน 5 ของตลาดดาร์คเน็ต (darknet) ที่ใหญ่ที่สุดยอมรับโมเนโร โรบินสันกล่าว อย่างไรก็ตามเขาก็เสริมว่า บิทคอยน์เองยังเป็นเงินคริปโตที่ใช้ชำระเงินในตลาดดาร์คเน็ตมากที่สุดในขณะนี้

หนึ่งในทีมผู้พัฒนาโมเนโรกล่าวว่า โมเนโรนั้นไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้อาชญากรมากไปกว่าเงินสดตามปกติ ขณะที่ฟราซิสโก คาบานาสกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ทีมผู้พัฒนาโมเนโรควรถอยออกจากการถกเถียงในประเด็นความสามารถในการติดตามได้ของโมเนโรหรือไม่ก็เสี่ยงที่จะบั่นทอนธรรมชาติในการลดการรวมศูนย์ของโมเนโรเอง

“มันไม่ได้เลือกที่จะกระตุ้นอาชญากรรม มันช่วยกระตุ้นธุรกรรมเชิงพาณิชย์” คานาบาสซึ่งใช้ชื่อแฝงว่า “อาร์คติกมายน์” กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์จากแวนคูเวอร์ผ่านสไกป์ “มองจากมุมนี้ มันไม่ได้ต่างจากเงินสดเลย”

โมเนโรเองได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางในวงการ “คริปโตแจ็กกิ้ง” (Cryptojacking) หรือการทำเหมืองคริปโตอย่างไม่ถูกต้อง โดยแฮกเกอร์จะทำการปล่อยไวรัสลงในคอมพิวเตอร์และลักลอบใช้พลังงานจากคอมพิวเตอร์ดังกล่าวเพื่อทำเหมืองเหรียญคริปโตใหม่ๆ

แม้กระนั้น 4% หรือกว่า 17 ล้านโมเนโรที่หมุนเวียนในปัจจุบันถูกขุดเหมืองผ่านการใช้มัลแวร์ กุยเลอร์โม ซัวเรส เดอ ตังกิล อาจารย์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์จากคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ซึ่งทำวิจัยเหรียญโมเนโรกล่าวกับรอยเตอร์

“นี่คือปรากฏการณ์ที่ชัดเจนของการใช้โมเนโรในวงการใต้ดิน และขายมัลแวร์ซึ่งจะช่วยในการทำเหมืองโมเนโร” เขากล่าว

ด้านผู้พัฒนาโมเนโรกล่าวว่า ลักษณะของโมเนโรนั้นทำให้มันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับบริษัทในการรักษาความลับทางการค้า ผู้ใช้งานในประเทศที่มีการควบคุมเข้มงวดและมองหาวิธีการที่จะหลบหลีกระบบการเซ็นเซอร์หรือการตรวจตราต่างๆยังสามารถใช้โมเนโรในการเคลื่อนย้ายเงินออกมาอย่างปลอดภัยได้ด้วย ทีมพัฒนากล่าว

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกังวลหรือไม่? หน่วยงานกำกับดูแลคิดเช่นไร?

อย่างไรก็ตามธุรกรรมธุรกรรมเงินคริปโตส่วนมากยังไม่มีการกำกับดูแลจากภาครัฐ แม้กระนั้นประเทศต่างๆตั้งแต่อังกฤษไปจนถึงสหรัฐฯก็กำลังหาทางที่จะรับมือกับปรากฏการณ์เหล่านี้ ขณะที่มีไม่กี่รายที่เตรียมกลยุทธ์ที่รอบด้านเพื่อรับมือกับเหรียญดิจิทัลเป็นการเฉพาะ

เมื่อถามถึงโมเนโร นายโบฆา ปาสโตร เดอ ลา โมเรนา เจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจยุโรปหรือยูโรโพลประจำนครเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งดูแลงานด้านการปราบปรามการฟอกเงินกล่าวกับรอยเตอร์ว่า “สกุลเงินคริปโตทางเลือกประเภทนี้มีลักษณะในทางที่ไม่โปร่งใสมากกว่าและเอื้อให้เกิดอำพรางธุรกรรมของผู้ใช้งานได้ดีกว่าด้วย”

เขากล่าวเสริมอีกว่า “ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งที่เรากำลังจับตามอง”

และแม้ว่าหลายๆหน่วยงานจะตระหนักถึงแนวโน้มที่เงินคริปโตจะถูกนำไปใช้ในการฟอกเงินก็ตาม มีหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินในระดับประเทศเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่หันมาให้ความสนใจกับเหรียญส่วนบุคคลหรือ ความสนใจกับเหรียญส่วนบุคคลเป็นการเฉพาะ

กระทรวงการคลังอังกฤษซึ่งเป็นผู้นำในกลุ่มงานที่กำลังมองหาลู่ทางว่าอังกฤษจะเข้ามากำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินหรือไม่และด้วยวิธีการใดได้กล่าวว่า ทางการอังกฤษเองตระหนักถึงศักยภาพของโมเนโรที่จะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรม

“เราตระหนักดีถึงความเสี่ยงที่สินทรัพย์คริปโตอย่างเช่น ‘เหรียญส่วนบุคคล’ จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย” โฆษกกระทรวงการคลังอังกฤษกล่าว โดยเสริมอีกว่า ทางกระทรวงการคลังจะทำการปรึกษาหารือเรื่องการนำเอาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตเข้ามาอยู่ภายใต้กฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน

ด้านหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินในญี่ปุ่นเองซึ่งอ่อนไหวกับเรื่องศักยภาพในการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการฟอกเงินของบรรดาเหรียญส่วนบุคคลนั้น ได้ทำการร้องขอให้ตลาดซื้อขายเงินคริปโตในโตเกียวทำการทบทวนการยนำเหรียญประเภทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนเมื่อปีที่แล้ว ต่อมาทางตลาดซื้อขายคริปโตรายดังกล่าวได้สั่งระงับการซื้อขายเหรียญโมเนโรในเวลาต่อมา

ใครอยู่เบื้องหลังโมเนโร

เช่นเดียวกับบิทคอยน์ โมเนโรเองอยู่ภายใต้การดูแลของชุมชนเสมือนจริงของบรรดานักพัฒนาหลายร้อยคนซึ่งเป็นชุมชนที่ไม่มีศูนย์กลางอำนาจใดๆคอยควบคุม

คานาบาสเป็นหนึ่งในสองสมาชิกที่เปิดเผยตัวตนสู่สาธารณะในบรรดาสมาชิกนักพัฒนาแกนหลักของโมเนโรทั้ง 7 คน ซึ่งทั้งหมดทำหน้าที่เป็นตัวหลักในการอัพเดตตัวโค้ดของโมเนโร

มิทเชล คราวิค-เธเยอร์ นักพัฒนาบล็อกเชนในซานฟรานซิสโกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโมเนโรรีเสริ์ชแลบกล่าวว่า โมเนโรเองถูกออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการทำเหมืองโดยปัจเจกบุคคลมากกว่ากลุ่มที่ทรงพลังที่สามารถรวมทีมกันทำเหมืองเหรียญเพื่อสนองปริมาณความต้องการในระดับอุตสาหกรรม

“สิ่งนี้ช่วยลดอุปสรรคในการเข้ามาของทุกๆคน” เขากล่าว “ข้อเสียก็คือ อาชญากรเองก็เริ่มใช้งานโมเนโรแล้วด้วย การขโมยทรัพยากรผู้อื่น, การสร้างอุปสรรคให้กับเครื่องมือของผู้อื่น ทั้งหมดนี้เป็นภัยคุกคามอย่งแท้จริง”

ไม่นานมานี้โมเนโรเองได้ตั้งทีมแก้ไขปัญหาขึ้นมา โดยทีมงานดังกล่าวมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่เกิดปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์ คราวิค-เธเยอร์ระบุ

ใครใช้โมเนโรในทางที่ถูกกฎหมาย?

ข้อมูลการใช้งานโมเนโรในส่วนที่ว่าใครเป็นผู้ใช้และเพราะอะไรนั้นเป็นสิ่งที่ขาดแคลนมาก นี่เป็นความท้าทายในการเข้าใจธรรมชาติการใช้งานเงินคริปโตไม่ว่าจะสกุลใดก็ตาม และนั่นยิ่งเป็นการยากขึ้นไปอีกสำหรับเหรียญที่ถูกออกแบบมาเพื่ออำพรางตัวตน

ปริมาณธุรกรรมรายวันของโมเนโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้เป็นตัวชี้วัดว่าโมเนโรมีการใช้งานกว้างขวางแค่ไหนนั้น วิ่งอยู่ที่ราว 8,000 ธุรกรรมต่อวันในเดือนนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์คอยน์เมตริกส์ระบุ ขณะที่ตัวเลขจำนวนแอดเดรสของกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีความเคลื่อนไหวเพื่อใช้งานโมเนโรนั้นอยู่ที่ราว 5,000 แอดเดรส

เมื่อเทียบเคียงตัวเลขชุดเดียวกันกับบิทคอยน์เองจะพบว่า บิทคอยน์มีปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่กว่า 320,000 ธุรกรรม ขณะที่แอดเดรสที่มีความเคลื่อนไหวนั้นอยู่ที่ 785,000 แอดเดรส

โมเนโรเองไม่ใช่เหรียญส่วนบุคคลรายเดียวที่มีการใช้งาน เหรียญรายอื่นๆเช่น ซีแคช (ZCash) ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะเพื่อการเก็งกำไรเท่านั้น แต่นักลงทุนเองยังสนใจใช้ซีแคชเนื่องด้วยการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

เกรย์สเกล บริษัทบริหารสินทรัพย์ลงทุนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนภายใต้การจัดการราว 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้เปิดช่องให้นักลงทุนเช่นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ สามารถลงทุนในซีแคชได้แล้ว

ท่ามกลางการยอมรับเหรียญส่วนบุคคลที่มีมากขึ้นในวงการคริปโต บรรดาตลาดซื้อขายรายใหญ่ๆให้ความสนใจนำโมเนโรมาจดทะเบียนซื้อขายในระบบของตนเองมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือไบแนนซ์ หนึ่งในตลาดซื้อขายเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีสำนักงานตั้งอยู่ในมอลตา ได้นำเอาเหรียญโมเนโรมาเปิดให้นักลงทุนซื้อขายผ่านระบบของไบแนนซ์ได้แล้ว

ด้านไบแนนซ์เองปฏิเสธที่จะออกความเห็นเรื่องนี้ แต่ได้กล่าวว่า ไบแนนซ์ได้มีกระบวนการตรวจสอบที่รอบด้านเพื่อประเมินเหรียญประเภทต่างๆก่อนนำมาจดทะเบียนซื้อขาย ขณะเดียวกันไบแนนซ์เองก็มีการประเมินเหรียญต่างๆที่นำมาซื้อขายอยู่เป็นระยะๆด้วยเช่นกัน

 

ที่มา: Reuters