เปิดตัวแฟรนไชส์ “มารุ ลอนดรี้” เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ชูเทคโนโลยีอันดับหนึ่งจาก “ญี่ปุ่น-ไต้หวัน” ตีตลาดไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
“กันยง” บริษัทผู้นำด้านการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ของไทย จับมือ “อัพยัง” บริษัทอิเล็กทรอนิกอันดับหนึ่งใน “ญี่ปุ่น-ไต้หวัน” ผุดแฟรนไชส์ “มารุ ลอนดรี้” (MARU Laundry) บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ชูเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลก จับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ตั้งเป้าตีตลาดซักผ้าหยอดเหรียญอันดับหนึ่งในไทย
นายปวริศ โพธิวรคุณ รองประธานกรรมการ บริษัท กันยงอัพยัง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท กันยง จำกัด ได้ร่วมมือกับ บริษัท อัพยง จำกัด ผู้นำด้านอิเล็กทรอนิกของประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน เพื่อร่วมปั้นแบรนด์ใหม่ในไทย “มารุ ลอนดรี้” บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญสำหรับคนรุ่นใหม่ครั้งแรกในไทย ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท กันยงอัพยัง จำกัด บริษัทใหม่ในเครือ โดย “มารุ ลอนดรี้” เป็นโมเดลธุรกิจแบบแฟรนไชส์ โดยเล็งเห็นว่า ไลฟ์สไตล์ของคนไทยในปัจจุบันมีความเร่งรีบ ไม่มีเวลาทำงานบ้าน โดยเฉพาะการซักผ้าซึ่งอาจต้องใช้เวลามากในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้น การอยู่อาศัยในเมืองอย่างคอนโดมิเนียมก็มีพื้นที่จำกัดต่อการติดตั้งเครื่องซักผ้า ดังนั้น ตลาดไทยจึงมีศักยภาพสำหรับธุรกิจบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอย่างมาก โดยตั้งเป้า “มารุ ลอนดรี้” จะก้าวสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในประเทศไทย ภายใน 2 ปี
“บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญของ มารุ ลอนดรี้ ให้บริการแบบครบวงจร ตอบโจทย์ไลฟสไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างตรงจุด สามารถซัก-อบแห้งเสร็จด้วย 1 โปรแกรม ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้มากขึ้น ในทางกลับกัน ผู้ลงทุนแฟรนไชส์กับเราก็มั่นใจได้ว่า ธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืน เพราะเป็นบริการที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ประกอบกับวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านในประเทศไทยที่ยาวนานกว่า 50 ปีของกันยง จึงสามารถตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี” นายปวริศกล่าว
ด้าน บรูซ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อัพยัง ไต้หวัน กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทไทยอย่าง กันยง ในฐานะผู้นำด้านอิเล็กทรอนิกของประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน โดยได้นำเครื่องซักผ้าแบรนด์อควา (AQUA) ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องซักผ้าหยอดเหรีญอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่นมาให้บริการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้ลงทุนและผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และมีคุณภาพสูง”
คุณสมบัติพิเศษของ “มารุ ลอนดรี้” คือมีฟังก์ชั่นแนะนำการใช้ด้วยข้อความเสียงที่เป็นมิตร และแผงควบคุมการทำงานที่ง่ายต่อการใช้งาน พร้อมโปรแกรมการล้างถังซักก่อนทุกครั้งเพื่อสุขอนามัย โปรแกรมถนอมผ้าป้องกันเสื้อผ้าไม่ให้พันกันและไม่ใช้เกิดรอยยับ นอกจากนั้น ยังเป็นเจ้าแรกที่มีระบบตรวจสอบเมื่อพบก๊าซรั่ว (GAS monitor system) ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี IoT โดยเจ้าของแฟรนไชส์สามารถติดตั้งระบบตรวจสอบระยะไกลจากบริษัทผู้ขายแฟรนไชส์ได้อีกด้วย
โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ของ “มารุ ลอนดรี้” จะสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้ลงทุนมากกว่าที่เคย ด้วยแผนการคืนทุนที่ไว้วางใจได้ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนในการพิจารณาเป็นแหล่งรายได้ที่สองนอกเหนือจากงานประจำ
โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ของ “มารุ ลอนดรี้” จะสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้ลงทุนมากกว่าที่เคย ด้วยการสร้างความมั่นคงเพียงแค่ 1 ชั่วโมงต่อวัน ลงทุนเริ่มต้น 3,000,000 บาท ด้วยผลตอบแทนกำไรกว่า 800,000 บาทต่อปี คิดเป็นผลตอบแทนต่อปี 12% คืนทุนภายใน 3.78 ปี
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์สูงถึง 2.8 แสนล้านบาท และมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 20.3 ต่อปี โดยในแต่ละปีมีผู้สนใจรายใหม่ๆ ที่อาจเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไซส์ถึงกว่า 15,000 – 20,000 ราย โดยธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีโอกาสเติบโตในระยะข้างหน้าต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางสังคมและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ แฟรนไชส์ที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ สังคมผู้สูงอายุ และแฟรนไชส์ที่อิงกับกระแสอีคอมเมิร์ซที่กำลังมีบทบาทมากขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟรนไชส์ “มารุ ลอนดรี้” www.marulaundry.com โทร. 081 375 5313