07-11-2018

สีจิ้นผิงให้คำมั่นว่าจะเปิดกว้างทางการค้าจีนและกระตุ้นการนำเข้า

บทความโดย
  • สีจิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะนำเข้าสินค้าและภาคบริการในระยะยาวเป็นมูลค่ากว่า 30ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และในภาคบริการกว่า 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 15 ปีต่อจากนี้
  • สีจิ้นผิง เน้นย้ำถึงการสร้างเศรษฐกิจโลกแบบเปิด และต่อต้านลัทธิคุ้มครองการค้า แต่ก็ไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงสหรัฐอเมริกาและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้แต่คำเดียว

ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง ภาพโดย Shutterstock

ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง ได้ให้คำมั่นสัญญา จากการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาถึงการเปิดเสรีทางการค้าของจีนให้ออกไปสู่โลก รวมถึงการลดหย่อนภาษีนำเข้าและการเปิดการค้าอย่างเปิดเผย และประกาศสนับสนุนความเป็นโลกาภิวัตน์ทางด้านเศรษฐกิจ ต่อต้านลัทธิคุ้มครองทางการค้าและลัทธิเอกภาคนิยม รวมถึงประเทศที่ถูกได้รับผลจากสงครามการค้ากับสหรัฐ

งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีรัฐบาลจีนเป็นผู้สนับสนุน งานดังกล่าวมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความสนใจจากนักธุรกิจทั่วโลก ซึ่งสีจิ้นผิงเองก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่องานนี้ โดยกล่าวว่า จีนจะให้ความสำคัญต่อการนำเข้าสินค้าและบริการจากทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่มันคือยุทธศาสตร์ระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงได้ให้คำมั่นในการนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็จะครอบคลุมภายในปี 15 ปีต่อจากนี้ ขณะที่ภาคบริการมีมูลค่าถึง 1o ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกัน

ในช่วงที่ผ่านมา จีนได้เปิดกว้างสำหรับการเข้ามาลองทุนจากต่างชาติในหลายด้าน โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น เช่น สาธารณสุข การศึกษา การเงิน โทรคมนาคม และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ซึ่งทางด้านสีจิ้นผิงได้กล่าวว่า เขตการค้าเสรีเช่นที่เกาะไห่หนาน (เกาะไหหลำ) ได้มีการลงทุนจากต่างชาติที่ส่งผลให้เติบโตขึ้นมา ขณะที่นครเซี่ยงไฮ้ก็จัดว่าเป็นมหานครแห่งทดลองการค้าเสรีที่ยิ่งใหญ่ของจีน

สีจิ้นผิงยังได้ประกาศการสถาปนามหานครเซี่ยงไฮ้ ให้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งทางการค้าและการลงทุนกับเกาะฮ่องกง และ Nasdaq ดังนั้นจึงทำให้บริษัท Start-Up ในจีนได้เติบโตขึ้นไปด้วย

ขณะเดียวกัน ในสุนทรพจน์กว่า 35 นาทีนี้ สีจิ้นผิงก็ไม่ได้กล่าวอ้างโดยตรงถึง ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากสงครามการค้าต่อกัน สีจิ้นผิลเองไม่เห็นด้วยกับท่าทีของทรัมป์ที่ยึดนโยบาย อเมริกันต้องมาก่อน และไม่ได้เปิดเผยตรงไปตรงมาในการค้ากับชาติต่างๆ

ด้วยเหตุนี้ สีจิ้นผิงเองก็ได้พยายามวางตำแหน่งของจีนให้เป็นชาติแถวหน้าของการเปิดการค้าเสรีแบบเปิดเผย ตามที่กล่าวมา

อย่างไรก็ตาม สุนทรพจน์ครั้งนี้ของสีจิ้นผิง มาก่อนหน้าที่เขาจะได้พบปะกับทรัมป์ที่บัวโนสไอเรส หลังการประชุมของกลุ่มผู้นำ G20 ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้มีทัศนะและมุมมองต่อกันที่เปลี่ยนไปอีกก็เป็นได้

Jeffrey Schott นักวิเคราะห์ของสถาบันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ได้มาที่งาน Expo ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ด้วย เขาเห็นว่า คำมั่นของสีจิ้นผิงนั้น ไม่ได้จำแนกถึงนโยบายทางการลงทุน เขายังมีความเห็นว่า นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างทั้งสองฝ่าย และทางสหรัฐอาจจะสามารถหาหนทางหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวด้วยกันระหว่างสองประเทศในสงครามการค้านี้ได้

แล้วเมื่อเปรียบเทียบกับสุนทรพจน์ของสีจิ้นผิงเมื่อหลายเดือนก่อนที่เกาะไห่หนาน ยังมีการระบุที่เฉพาะเจาะจงมากกว่านี้ เช่น การร่วมลงทุนทางด้านการศึกษา และสวัสดิการสังคม ซึ่งจีนยังมีช่องว่างของความเหลื่อมล้ำตรงนี้อยู่มาก แต่ด้วยการเข้ามาของทุนต่างชาติ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ลงได้ แล้วสีจิ้นผิงยังประกาศ ให้ความคุ้มครองต่อภาคธุรกิจเอกชน รวมถึงการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ ก็จะได้รับการคุ้มครองด้วย

นาย Niels Christiansen ผู้บริหารของบริษัทของเล่นชื่อดังอย่าง Lego ก็ได้กล่าวความเห็นว่า การออกมาประกาศจุดยืนครั้งนี้ของสีจิ้นผิง มีความสำคัญและท้าทายต่อการค้าในระดับโลกอย่างยิ่ง แล้วนี่ยังเป็นการส่งสารที่มีความชัดเจนมากในระดับนานาชาติด้วย

สำหรับเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ต่อสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจในจีน สีจิ้นผิงได้กล่าวให้คำมั่นว่า

“จีนจะเร่งเดินหน้าสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัทต่างชาติในด้านการลงทุน และการเข้ามาทำธุรกิจในจีน” และสีจิ้นผิงยังพยายามอย่างยิ่งที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงประคองให้จีนฝ่ามรสุมและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไปให้ได้ ขณะที่การลดหย่อนภาษีนิติบุคคล ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ได้มีการให้คำมั่นอย่างชัดเจน

นาย George Magnus นักวิจัยของ the China Centre at Oxford University ได้วิเคราะห์ว่า สีจิ้นผิงอาจจะพบกับความยากลำยากในการขายวิสัยทัศน์ของเขา เรื่องการเปิดการค้าเสรีกับสหรัฐและประเทศอื่นๆ เพราะว่ามันหมายถึงการเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับจีนไปด้วย เนื่องจากเขาเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐได้มีความเห็นว่า เวลานี้จีนไม่ใช่แค่คู่แข่งทางการค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นคู่แข่งทางด้านการทหารและเทคโนโลยีอีกด้วย และการพบปะกันระหว่าง สีจิ้นผิง และทรัมป์ ที่กรุงบัวโนสไอเรสในเร็วๆนี้ ก็นับว่ามีความสำคัญต่อหลายสิ่งหลายอย่างต่อไปด้วย

David Shambaugh  ศาสตราจารย์ของ George Washington University ก็ได้กล่าวถึงสุนทรพจน์ก่อนหน้านี้ของสีจิ้นผิงที่งานประชุม World Economic Forum เมื่อเดือนเมษายน ว่าได้สร้างความประทับใจต่อหลายฝ่ายมาก ซึ่งแม้ว่าการที่จีนเปิดกว้างต่อการค้าเสรีในระดับโลกจะเป็นเรื่องน่ายกย่อง แต่ในประเทศจีนเอง ก็ยังมีความจำเป็นต้องลดหย่อนกำแพงทางการค้าที่มีต่อทุนจากต่างชาติให้มากกว่านี้ในหลายวงการ ซึ่งแม้ว่าสุนทรพจน์นี้จะเป็นที่จับใจในเชิงบวก แต่เราก็ยังคงต้องรอดูท่าทีและนโยบายของจีนต่อไปว่า จะสอดคล้องกับคำมั่นที่ผู้นำจีนลั่นวาจาไว้หรือไม่

ปัจจุบัน สหรัฐได้ประณามจีนว่าเป็นประเทศผูกขาดทางการค้า เนื่องจากรัฐบาลจีนที่กรุงปักกิ่งได้ออกมาตรการต่าง ๆ ที่ไม่เป็นธรรมสำหรับการค้าของทุนจากต่างชาติ และทำให้เกิดความได้เปรียบ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบการค้ากับประเทศอื่น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐไม่ได้มาเข้าร่วมงาน Expo ในครั้งนี้ ขณะที่ตัวแทนจากชาติกลุ่ม G7 อื่น ๆ เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี แคนาดา และญี่ปุ่น ก็ไม่ได้มีตัวแทนที่เป็นระดับผู้นำประเทศมาเข้าร่วมด้วย

ถึงกระนั้น สีจิ้นผิงก็ใช้งานครั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเศรษฐกิจและเอกชนของจีน เขาได้กล่าวว่า “การยอมรับต่อโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องเยี่ยมยอด และเป็นกระแสธารในประวัติศาสตร์ เพราะการพัฒนาของมันจะไม่โอนเอนไปตามความต้องการของมนุษย์ ทุกประเทศจึงควรที่จะให้ความสำคัญต่อนโยบายการเปิดเสรีทางการค้าแบบเปิดเผย และต่อต้านลัทธิคุ้มครองการค้า”

“พวกเราต้องการทำการค้าที่เป็น Win-Win Business ไม่ใช่มีผู้ที่ได้ชัยชนะหรือได้เปรียบอยู่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น” สีจิ้นผิงกล่าวย้ำ แม้ว่าคำกล่าวนี้จะไม่ได้พาดพิงชื่อของสหรัฐอเมริกาเลยแม้แต่คำเดียวเลยก็ตาม แต่ก็เป็นการวิจารณ์ต่อสหรัฐอเมริกาอย่างจริงจังและตรงประเด็น

สีจิ้นผิงยังกล่าวว่า จีนให้การสนับสนุนต่อความจำเป็นของการปฏิรูปของการองค์กรการค้าในโลก และยินดีที่จะเข้าร่วมการป้องกันการค้าแบบพหุภาคีด้วย

สุดท้ายแล้ว เขาได้กล่าวย้ำว่า จีนจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนต่อการค้าแบบเปิดเผย รวมถึงการปฏิรูทางการค้าในระดับโลกต่อไป

Source: SCMP