ตลาดบ้านพักตากอากาศได้รับความนิยมจากนักลงทุน
ตลาดบ้านพักตากอากาศได้รับความนิยม
จากการสำรวจตลาดบ้านพักตากอากาศโดยซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ พบว่า ตลาดบ้านพักตากอากาศเริ่มกลับมาได้รับความนิยมจากนักลงทุนอีกครั้ง โครงการบ้านพักตากอากาศชั้นนำหลายแห่งมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการโครงการระดับคุณภาพที่สะสมมานานอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยส่วนใหญ่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพมหานครเป็นหลัก ซึ่งแผนกวิจัยซีบีอาร์อีพบว่ามีคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ราว 30,000 ยูนิตในระยะสามปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2559 ถึงปี 2561
ความท้าทายสำหรับตลาดบ้านและคอนโดมิเนียมคือต้นทุนที่ดินและราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ซีบีอาร์อีพบว่าในตลาดที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ ผู้ซื้อในช่วงหลังเป็นคนไทยกว่า 70% ที่เน้นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือเพื่อการลงทุนในระยะยาว มากกว่าการซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น ขณะที่ตลาดที่พักอาศัยที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทจะมีสัดส่วนผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติสูงถึงกว่า 40%
จากการที่ผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ทำให้การพัฒนาโครงการที่พักอาศัยเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัดโดยเฉพาะตลาดไฮเอนด์มีสัดส่วนที่ลดลง ทั้งในพัทยา หัวหิน เชียงใหม่ เขาใหญ่ และภูเก็ต จึงทำให้เกิดการสะสมของอุปทานซึ่งตลาดมีความต้องการที่พักอาศัยเพื่อการพักผ่อนแต่ไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวมากเท่าที่ควร
ล่าสุดซีบีอาร์อีพบว่าในปี 2562 นี้ มีผู้ซื้อที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศในแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อเพื่อใช้พักอาศัยเองหรือลงทุนในระยะยาว “ถึงแม้ว่าจะมีราคาขายที่สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนแต่หากพบว่าเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นดีที่หาได้ยาก อาทิเช่น มีทำเลติดชายหาดหรือเห็นวิวทะเล หรือเป็นโครงการที่มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำมาบริหารจัดการอาคาร หรือมีการรับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่น่าสนใจให้แก่นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่และซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำที่เปิดขายในปีนี้ จะพบว่าต่างได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อ เช่น โครงการ เดอะ เรสซิเดนเซส แอท คลับเมด กระบี่ และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท เชอราตัน ภูเก็ต แกรนด์ เบย์ ซึ่งมีราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ย 185,000 บาทต่อตารางเมตร และ 230,000 บาท ต่อ ตารางเมตร ตามลำดับ สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 300 ล้านบาทในช่วงระยะเวลาเพียง 3 วันที่เปิดขายในกรุงเทพฯ และมียอดขายแล้วกว่า 85% และ 65% ตามลำดับ” นางสาวประกายเพชร มีชูสาร ผู้อำนวยการแผนกซื้อขายบ้านพักตากอากาศ ซีบีอาร์อี ประเทศไทยกล่าว
“สำหรับโครงการ เวลา นาใต้ เรสซิเดนเซส ซึ่งเป็นวิลล่าระดับหรูริมชายหาดนาใต้ จังหวัดพังงา ซึ่งมีราคา 67 – 98 ล้านบาท ก็สามารถปิดการขายได้แล้วกว่า 50% ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนโดยที่ยังไม่มีบ้านตัวอย่าง และโครงการ เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์ และโครงการ ทวินปาล์มส์ เรสสิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์ ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 – 180,000 บาทต่อตารางเมตร ก็สามารถปิดการขายไปได้แล้วกว่า 300 ล้านบาทในช่วง 4 วันแรกที่เปิดการขายในกรุงเทพฯ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการ ทวินปาล์มส์ เรสสิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์ สามารถสร้างยอดขายรวมได้แล้วกว่า 80%”
ยอดขายที่ดีจากโครงการชั้นนำเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่าลูกค้าชาวไทยยังมีความต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศในทำเลชั้นดี ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มที่โครงการจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต ด้วยทำเลที่หายากและการบริหารอย่างมืออาชีพโดยเฉพาะจากแบรนด์โรงแรมชั้นนำ