21-01-2020

SCB ประกาศกำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 40,436 ล้านบาทพร้อมปันผล 0.75 บาทต่อหุ้น แต่NPLเพิ่มเป็น3.41%

บทความโดย
  • ธนาคารไทยพาณิชย์กำไรก่อนหักสำรองของปี 2562 จำนวน 95,560 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากการขายหุ้นบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต
  • ธนาคารไทยพาณิชย์มีกำไรสุทธิจำนวน 40,436 ล้านบาท ประกาศเงินปันผลพิเศษแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น
  • ส่วนNPL หรืออัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 3.41% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 3% ในครึ่งแรกของปี

ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประกาศผลการดำเนินงานกิจการในปี 2562

ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองของปี 2562 จำนวน 95,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้นในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ทั้งนี้ธนาคารมีการตั้งสำรองพิเศษในปี 2562 ส่งผลให้ธนาคารมีกำไรสุทธิ (งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบ) จำนวน 40,436 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารประกาศเงินปันผลพิเศษแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดจ่ายในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้

รายได้และค่าใช้จ่ายของ SCB ในปี2562

ทั้งนี้รายได้ของธนาคาร จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 3% จากปีก่อนเป็นจำนวน 99,402 ล้านบาท แม้จะอยู่ในช่วงขาลงของดอกเบี้ยก็ตาม ในส่วนยอดสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน ธนาคารยังคงสามารถขยายฐานรายได้จากการปรับพอร์ตสินเชื่อด้วยการเพิ่มสัดส่วนของสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง

ในส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยหรือพวกค่าธรรมเนียมและรายได้จากส่วนอื่นเพิ่มขึ้น 59จากปีก่อน เป็นจำนวน 66,696 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากกำไรของเงินลงทุนที่เกิดจากการขายหุ้นของธนาคารในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา หากไม่รวมกำไรพิเศษดังกล่าว รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 2% จากปีก่อน โดยรายได้ประเภท recurring ปรับตัวดีขึ้น และในไตรมาสที่สี่ธนาคารมีการรับรู้รายได้ใหม่จากความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรด้านประกันชีวิต

ในส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนเป็นจำนวน 70,538 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับโครงการ Transformation ทั้งนี้จากการเติบโตของรายได้รวมที่ 20% จากปีก่อน ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในปี 2562 ปรับลดลงมาเป็น 42.5%

ขณะที่ NPL หรืออัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 3.41% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 3% ในครึ่งแรกของปี การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพหรือ NPL สะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอันเกิดจากความผันผวนของเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังและการที่ธนาคารใช้นโยบายระมัดระวังในการจัดชั้นลูกหนี้

ทั้งสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องตั้งเงินสำรองจำนวน 36,211 ล้านบาท ในปี 2562 และอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ 134%

ในส่วนเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคาร ณ สิ้นปี 2562 อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.1% ดังนั้น ภายหลังการขายหุ้นของธนาคารในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว คณะกรรมการธนาคารได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลพิเศษแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ เงินปันผลปกติจากการดำเนินงานของธนาคารประจำปี 2562 จะได้รับการพิจารณาและอนุมัติในวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในเดือนเมษายน 2563

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์

ทางด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่าจากความผันผวนของเศรษฐกิจธนาคารใช้หลักความระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพ จากการคาดการณ์ว่าสินเชื่อทั้งระบบจะเติบโตในระดับปานกลาง ธนาคารจะยังคงให้ความสำคัญต่อการปรับพอร์ตสินเชื่อไปสู่ธุรกิจที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง การปล่อยสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล และธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่ง พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ จากความสำเร็จในการพัฒนาขีดความสามารถใหม่ ๆ ผ่านโครงการ Transformation ธนาคารกำลังนำขีดความสามารถดังกล่าวมาใช้ในเชิงรุกยิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจและฟินเทคชั้นนำในการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว

ข้อมูลสำคัญทางการเงินของ ธนาคารไทยพาณิชย์