ซานฟรานซิสโกผ่านมติห้ามใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเมืองแรกในสหรัฐฯ
หลังจากเทคโนโลยีจดจำใบหน้าถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในบางประเทศ และเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐในการระแวดระวังรวมทั้งตรวจสอบพฤติกรรมของประชาชน แต่ล่าสุดเมืองซานฟรานซิสโกจะเป็นเมืองแรกในสหรัฐอเมริกาที่ถูกโหวตไม่ให้ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้านี้ในการบังคับใช้ทางกฎหมาย
การใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าต้องได้รับอนุมัติจากตัวแทนประชาชนก่อน
สมาชิกสภาเมืองซานฟรานซิสโกได้ลงมติห้ามใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าให้ใช้กับหน่วยงานในท้องถิ่นเช่น หน่วยงานด้านการขนส่ง รวมทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้แผนงานที่จะซื้อเทคโนโลยีจดจำใบหน้าต้องได้รับการอนุมัติจากสภาของเมืองก่อน
แม้ว่าฝ่ายที่คัดค้านจะเน้นเรื่องความปลอดภัยของประชาชนอาจตกอยู่ในความเสี่ยงและการป้องปรามการเกิดอาชญากรรม แต่ทั้งนี้ฝ่ายที่เห็นด้วยเห็นว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ยังไม่น่าเชื่อถืออยู่และอาจจะละเมิดสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบมีข้อผิดพลาดได้ง่ายเมื่อต้องจดจำผู้หญิงหรือคนผิวสี
“ด้วยผลการลงมติ เมืองซานฟรานซิสโกขอประกาศว่าเทคโนโลยีการเฝ้าระวังไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยที่ดีและผู้ที่อยู่ร่วมกันในสังคมนี้สมควรออกเสียงในการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเฝ้าระวังที่มีเทคโนโลยีระดับสูง” Matt Cagle จาก American Civil Liberties Union
ในการลงมติของสมาชิกในสภาเมืองซานฟรานซิสโกได้ผ่านมตินี้ด้วยคะแนนเสียง 8-1 โดยมีผู้ไม่ออกเสียง 2 ราย คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะถูกส่งผ่านและประกาศออกมาเป็นทางในกฎหมายประจำเมืองหลังจากมีมติมนครั้งที่สองในสัปดาห์หน้า
โดยมีความเห็นจากบางกลุ่มว่า เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าไม่ควรใช้ในวันนี้ แต่เทคโนโลยีควรปรับปรุงและใช้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของประชาชนและการใช้อย่างมีความรับผิดชอบอย่างเพียงพอก็ควรถูกนำมาใช้ในจังหวะที่เหมาะสม
ทั้งนี้กฎหมายที่ห้ามใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้านั้นจะไม่ถูกห้ามใช้ในมาตรการรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ท่าเรือของซานฟรานซิสโกเนื่องจากเป็นการดำเนินการโดยรัฐบาลกลาง ไม่ใช่ของรัฐบาลท้องถิ่นแต่อย่างใด
ขณะที่ในหลายเมืองของสหรัฐฯมีการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อใช้ในการป้องกันและป้องปรามอาชญากรรมอาทิ ซีแอตเทิ้ล, เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี, เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ และอีกกว่า 20 เมืองในสหรัฐฯ
Source: BBC