การผ่อนคลายการทำธุรกรรมเงินบาท ภายใต้โครงการ Non-resident Qualified Company (NRQC)
นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ผ่อนคลายให้นิติบุคคลต่างประเทศสามารถทำธุรกรรมเงินบาทกับสถาบันการเงินในประเทศ (onshore) ได้คล่องตัวขึ้น ภายใต้โครงการ Non-resident Qualified Company (NRQC) โดยนิติบุคคลต่างประเทศต้องมี ภาระการรับหรือจ่ายเงินบาทจากการค้าและการลงทุนโดยตรงในประเทศไทย และไม่ประกอบธุรกิจด้านการเงิน และทองคำ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์ ดังนี้
1. สามารถบริหารความเสี่ยงค่าเงินบาทได้สะดวกและคล่องตัวขึ้น โดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐาน และ มีขอบเขตการทำธุรกรรมที่กว้างขึ้น เช่น การทำธุรกรรม Swap หรือ Forward ด้วยการใช้ประมาณการรายรับ รายจ่ายในอนาคต หรือใช้งบการเงินโดยรวม (balance sheet hedging)
2. สามารถบริหารสภาพคล่องเงินบาทได้คล่องตัว โดยไม่จำกัดยอดคงค้างบัญชีเงินบาทสำหรับผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (Non-resident Baht Account : NRBA) จากเดิมจำกัดยอดคงค้างไว้ไม่เกิน 200 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการข้างต้นจะทำให้นิติบุคคลต่างประเทศสามารถทำธุรกรรมเงินบาทกับสถาบันการเงิน ในประเทศได้สะดวกมากขึ้น ส่งผลให้ความจำเป็นในการกู้ยืมเงินบาทลดลง
ธปท. จึงได้ปรับลดวงเงินคงค้าง การปล่อยสภาพคล่องเงินบาทของสถาบันการเงินในประเทศแก่บุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศแบบไม่มีภาระ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทำธุรกรรมในประเทศภายใต้โครงการ NRQC อีกด้วย การด ำนินการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศตลาดอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (FX ecosystem) ผ่านการปรับโครงสร้างการท าธุรกรรมเงินบาทในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มทั้งจำนวนผู้ทำธุรกรรม โดยเฉพาะนิติบุคคลต่างประเทศ และสภาพคล่องของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศ รวมถึงเอื้อต่อการติดตาม ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป