Pinterest พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก เปิดราคา IPO ที่ 19 เหรียญ

เว็บไซต์ค้นหาภาพ Pinterest ได้ออกประกาศราคา IPO เพื่อเตรียมระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยแจ้งราคา IPO อยู่ที่ 19 เหรียญ ทำให้มูลค่าบริษัทแตะ 1 หมื่นล้านเหรียญ โดยอักษรที่จะใช้ในการซื้อขายคือ “PINS”

ราคา IPO นี้เป็นการขยับขึ้นมาหลังจากได้เสนอราคาระหว่างยื่นทำfilling ให้ ก.ล.ต.สหรัฐ ในช่วงแรกอยู่ที่ระหว่าง 15-17 เหรียญสหรัฐ/หุ้น โดยมูลค่าหุ้นของ Pinterest ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้าที่มูลค่าบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1.23 หมื่นล้านเหรียญ  และมีการคาดการณ์ในกรณีดีที่สุดที่เป็นไปได้นั้นมูลค่าบริษัทจะขึ้นไปถึง 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยจำนวนหุ้นที่นำออกขายอยู่ที่ 75 ล้านหุ้น

Pinterest นับเป็นบริษัท Social media ที่นิยามตนเองว่าเป็น “Visual Discovery” ให้เป็นบอร์ดสำหรับการแชร์ไอเดีย ภาพในเรื่องต่างๆอาทิ เฟอร์นิเจอร์ แฟชั่น ภาพงานแต่งงาน ของชำร่วย อาหาร เพื่อให้คนที่สนใจในเรื่องเฉพาะสามารถเข้ามาหาภาพและไอเดีย

โดยที่ปรึกษาทางการเงินของ Pinterest ในการระดมทุนในครั้งนี้ได้แก่  Goldman Sachs,  JPMorgan Chase & Co., Allen & Co.

CEO ของ Pinterest นาย Silbermannได้กล่าวว่า “Pinterest ไม่เหมือนกับ Google เพราะการใช้งานของคนที่เข้ามาค้นหาคำจะเป็นคำที่ไม่แน่ชัด สำหรับอธิบายสิ่งที่เขากำลังค้นหา ตัวอย่างเช่น หากใครบางคนกำลังหาแรงบันดาลใจในการแต่งบ้าน คนนั้นอาจไม่รู้ว่าจะพิมพ์อะไรใน Google แต่ถ้าพวกเขาเห็นภาพที่Pinterest แสดงให้เห็นในบอร์ด พวกเขาสามารถเห็นในสิ่งที่เขาชอบและ “ปักหมุด” ภาพที่เขาชอบลงในบอร์ดไอเดียของพวกเขาได้”

ในเวลานี้มีคนเข้ามาใช้งาน Pinterest อยู่ที่ 250 ล้านรายในแต่ละเดือน 2ใน 3 เป็นผู้หญิงที่เข้ามาใช้งาน 43 เปอร์เซนต์เป้นผู้ใช้งานในสหรัฐฯ และ 8 ใน 10 เป็นคุณแม่แล้ว จากสถิติของPinterest  จะนำมาเป็นจุดแข็งในการนำเสนอเพื่อเป็นตัวช่วยให้การตัดสินใจในการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการสำหรับใช้ภายในบ้านของเหล่าแม่ๆ ซึ่งน่าจะเป็นการต่อยอดของ Pinterest ต่อไป

ทางด้าน Morningstar Research ได้มองถึงโอกาสของการเพิ่มรายได้ในการเข้าสู่ตลาดโฆษณาออนไลน์ระดับโลกมูลค่ากว่า 5 แสนล้านเหรียญ

โอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ

หนึ่งในโอกาสของ Pinterest คือศักยภาพในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ โดยในปี 2018 ผู้ใช้รายใหม่มากกว่า 80% มาจากตลาดนอกสหรัฐเป็นหลัก โดยทำรายได้ยังต่ำกว่าในสหรัฐมาก อยู่ที่  25 เซนต์ต่อราย เมื่อเทียบกับ 9.04 เหรียญสหรัฐสำหรับลูกค้าที่ใช้งานในสหรัฐ

Source: Bloomberg, BusinessInsider