ไนท์แฟรงค์ ชี้ เงินบาทแข็งทำนักลงทุนช้อปอสังหาฯลอนดอน
ตลาดอสังหาในลอนดอนกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนมากขึ้น จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น พร้อมกับดีมานด์ในตลาดสูงกว่า ขณะที่การเจรจาเรื่องเบร็กซิทไม่ส่งผลต่อดีมานด์อสังหาฯในลอนดอนแต่อย่างใด เผยนักลงทุนไทยซื้อบิ๊กล็อตมูลค่ากว่า 570 ล้านบาท
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอนหลังพบกับความไม่แน่นอนกับเรื่องเบร๊กซิทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาของอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง ภาพรวมของตลาดก็ปรับลดลงเพราะความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ ทว่าในปีนี้สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนเริ่มกลับมาเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันมาลงทุนมากขึ้น โดยในช่วง 6 เดือนมีธุรกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์คึกคักมากขึ้น โดยผู้ซื้อมาจากนักลงทุนในต่างประเทศอาทิ ฮ่องกง, สิคโปร์ จีน และรวมถึงคนไทยด้วย
ตลาดบ้านในลอนดอนที่คนไทยมองหา
โดยกลุ่มราคาสำหรับคนไทยที่ต้องการจะเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน มี 2 กลุ่มคือ กลุ่มราคา 8 แสน – 2 ล้านปอนด์ ที่จะเป็นกลุ่มอพาร์ทเมนต์เพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับพ่อแม่ซื้อให้ลูกที่มาเรียนในลอนดอน แล้วอาจจะปล่อยเช่าในภายหลัง อีกกลุ่มคือซื้อเพื่อลงทุนจะมีขนาดใหญ่กว่ามูลค่าลงทุนจะสูงกว่าอยู่ที่ประมาณ 14-20 ล้านปอนด์ซึ่งกลุ่มนี้จะซื้อเป็นบล็อคเพื่อปล่อยเช่า ด้วยตลาดลอนดอนเป็นตลาดที่คนเช่ามีความหลากหลายทั้งนักศึกษา คนทำงานในฝั่งการเงินและบริษัทเทคโนโลยีที่ได้ราคาสูงกว่า และคนลอนดอนเอง
นั่นทำให้ไนท์แฟรงค์มองเห็นโอกาสทองของนักลงทุนไทยที่สามารถฉวยโอกาสที่ตลาดเป็นใจ นายคริสโตเฟอร์ โจนส์ แอซโซซิเอทส์ (Associate) จากลอนดอนของไนท์แฟรงค์ชี้ว่า ประเด็นเรื่องเบร๊กซิทกระทบต่อตลาดอสังหาในลอนดอนบ้าง แต่ไม่เท่ากับเรื่องภาษีที่เก็บในบ้านหลังที่ 2 ซึ่งกระทบกับทุกคนในตลาด รวมทั้งเรื่องการเก็บ Capital Gain ที่ไม่ยกเว้นผู้ซื้อต่างชาติเพื่อเป็นกฎเดียวกับคนซื้อชาวอังกฤษ แต่อย่างไรก็ตาม
โดยเขตที่พักที่เป็นเป้าหมายของคนไทยได้แก่เขต เคนซิงตันที่มีสถานทูตไทยตั้งอยู่ เขตไนท์บริดจ์ หรือโซน Central london แต่เนื่องจากในโซนใจกลางเมืองราคาปล่อยเช่าแม้จะค่อนข้างสูงแต่มาร์จิ้นต่ำกว่าโซนที่ขยับออกมาจากกลางเมือง ถ้าเป็นย่านใจกลางเมืองผลตอบแทนการเช่าอยู่ที่ 1-2% เท่าั้นแต่ถ้าเป็นโซนออกจากใจกลางเมืองออกมาหน่อยจะได้ผลตอบแทนประมาณ 4-6% นอกจากนี้ใจกลางเมืองต้องมีราคา 2 ล้านปอนด์ขึ้นไปโดยได้พื้นที่เพียง 45 ตร.ม. แต่ถ้าเป็นโซนนอกเมืองจะได้พื้นที่ 75 ตร.ม.
นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหาร บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีคนไทยที่สนใจจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอนมากขึ้น มีการเข้ามาปรึกษาวันละ 2-3 ราย โดย 4 ปีก่อนหน้าคนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนเป็นคนต่างชาติ 100% แต่ล่าสุดกลุ่มคนซื้อได้เปลี่ยนไปเป็นคนอังกฤษ 60% คนต่างชาติ 40% ส่วนหนึ่งมาจากดีมานด์มีมากขึ้น แต่ซัพพลายมีน้อยทำให้เกิดช่องว่างในตลาด
โดยการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าลูกค้าจะคำนึงถึงที่ตั้งของอสังหาฯ แต่ต้องอยู่ใกล้กับทางลงรถไฟฟ้าใต้ดิน เดินไม่เกิน 5-10 นาที Facilities ของที่พักต้องมีครบ สภาพตึกใหม่ ขณะที่ค่าเช่าสามารถเพิ่มได้ทุกปีโดยเฉลี่ยค่าเช่าจะขึ้นปีละประมาณ 5%
นอกเหนือจากนักลงทุนส่วนบุคคลแล้วลอนดอน กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เองก็มองการเข้ามาเปิดสำนักงานใหม่ในลอนดอนอาทิกลุ่มกูเกิ้ล กลุ่มฮัทชิสัน ที่เข้ามาลงทุนกว่าพันล้านปอนด์ ซึ่งกลุ่มพนักงานบริษัทเทคโนโลยีเองเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเช่าสูงด้วยรายได้ต่อปีสูงถึง 1.2 แสนปอนด์ ที่พร้อมโยกย้ายที่พักไม่ได้ประจำที่นานการเช่าเป็นทางออกของลูกค้ากลุ่มนี้และพร้อมจ่ายค่าเช่าสูงถ้าถูกใจ
ในปี 2019 นี้ทางไนท์แฟรงค์กล่าวถึงการลงทุนของคนไทยในอสังหาลอนดอนตั้งแต่ต้นปีจนถึงกันยายนพบว่า มูลค่าการลงทุนกว่า 21 ล้านปอนด์ (820 ล้านปอนด์) เพิ่มขึ้น 100% จากปี 2561 โดยอสังหาฯที่ซื้อมีตั้งแต่มูลค่า 9 แสนปอนด์จนถึง 2 ล้านปอนด์ และมีนักลงทุนรายใหญ่ซื้อบล็อกใหญ่จำนวน 16 ยูนิต มุลค่ากว่า 14.6 ล้านปอนด์ (570 ล้านปอนด์) ทั้งนี้ยังอยุ่ในระหว่างการเจรจาอีก 10 รายโดยเป็นกลุ่มอสังหามูลค่าระหว่าง 6 แสนปอนด์ – 2 ล้านปอนด์ ใน Central London และรายใหญ่อีก 1 รายเป็นบิ๊กล็อตมูลค่ากว่า 36 ล้านปอนด์