JD.com เทเงินกว่า 900ล้านเหรียญในผลไม้ไทยแข่งกับอาลีบาบา
JD.com อีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่เบอร์สองจากจีนวางแผนที่จะลงทุนกว่า 6.5 พันล้านหยวน หรือราว 965.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในประเทศไทยช่วง 3 ปีต่อจากนี้เพื่อเน้นธุรกิจอาหารสดมากขึ้น
ทางบริษัท JD.com ได้ออกมากล่าวไว้เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า มีความตั้งใจจะนำเข้าทุเรียนและผลไม้อื่นๆซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศจีน โดยร่วมมือกับซุปเปอร์มาเก็ตในจีน Yonghui Superstores เพื่อแข่งขันกับกลุ่มอาลีบาบาซึ่งเน้นธุรกิจอาหารสดมากขึ้น
ทั้งนี้ JD.com และทาง Yonghui Superstores จะจัดหาผลไม้ไทยมูลค่ากว่า 5 พันล้านหยวน ผลไม้หลักได้แก่ ทุเรียน มังคุด มะพร้าว โดยตัวJD.com ซึ่งเป็นผู้ค้าออนไลน์อยู่แล้วจะซื้อผลไม้มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านหยวน ผ่านผู้ขายในไทย
นอกเหนือจากเว็บไซต์แล้ว JD.com วางแผนจะขายผลไม้ในแบบออฟลน์อีกด้วยที่ 7Fresh ซึ่งเป็นร้านซุปเปอร์มาร็เก็ตในเครือ JD.com
ด้วยอาหารสดมีข้อจำกัดมากทำให้เป็นการยากที่จะขายผ่านออนไลน์และมีอายุสั้นที่จะต้องขายให้หมดภายในวันเดียว ทั้งนี้ JD.com ได้สร้างห่วงโซ่อุณหภูมิต่ำ (Cold chain) โดยจะจัดเก็บอาหารสดไว้ที่อุณหภูมิต่ำเพื่อรักษาความสดของอาหารเอาไว้ โดยสถานที่เก็บอาหารที่ควบคุมอุณหภูมิมีกว่า 300 แห่งกระจายไปทั่วประเทศจีนเพื่อรักประกันความสดและความปลอดภัยของอาหารในการส่งไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ต
JD.com และ อาลีบาบา ครองตลาดออนไลน์ในประเทศจีนรวมกันไว้กว่า 80% ของตลาดทั้งหมด แต่เมื่อการเติบโตของตลาดออนไลน์ชะลอตัวลงพวกเขามองว่าอาหารสดเป็นทางเลือกที่ยังมีโอกาสที่จะต่อยอดได้อีก
โดยบริษัทที่ปรึกษา AskCI Consulting ได้ให้ข้อมูลว่าการนำเข้าผลไม้ของจีนมีมูลค่ารวม 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน โดยเฉพาะการนำเข้าผลไม้จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง ด้วยภูมิภาคนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งผลิตผลไม้คุณภาพสูง
Source: Nikkei