“ภัยธรรมชาติ”ทำให้มีการขอใช้สิทธิเคลมประกันในปี 2018 ทำลายสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์
- บริษัทประกันภัยได้รับผลกระทบจากใต้ฝุ่นมังคุด ซึ่งก็ยังไม่รวมจากในรายงานของ Allianz ซึ่งมียอดพุ่งไปแตะที่ 2 พันล้านเหรียญในประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า
- ผลลัพธ์ของการขอใช้สิทธิประกันจากผู้ประสบภัยพิบัติวาตภัยในฮ่องกง ขึ้นอันดับสูงสุดในลิสต์ของ Allianz
ในปีนี้ ถือว่าเป็นปีที่บริษัทประกันภัยคงไม่มีความสุขมากนัก เนื่องจากเป็นปีที่ทำลายสถิติของการขอสิทธิเคลมประกันทางด้านภัยพิบัติจากธรรมชาติที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปทั่วโลก ซึ่งรายการที่ถูกอ้างอิงถึงจากอันดับต้นๆของการขอเคลมคือเกาะฮ่องกง ตามรายงานของ Leading Insurer
สำหรับภัยพิบัติจากธรรมชาติครั้งใหญ่ในหลายเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก ได้แก่ ไฟไหม้ป่าที่แคลิฟอร์เนีย น้ำท่วมใหญ่ที่ซิดนีย์ และพายุใต้ฝุ่นที่เล่นงานหลายเมืองในเอเชีย
ซึ่งจากภัยบิพับัติทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มูลค่าความเสียหายและการใช้สิทธิประกันในปีนี้จะเท่ากับหรือมากกว่ารายงานจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.44 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ตามรายงานจาก Allianz
นาย Patrick Zeng ผู้บริหาร CEO ของ บริษัทประกันภัย Allianz Global Corporate & Specialty (AGCS) ได้ให้สัมภาษณ์สื่อในกรณีนี้ว่า
“นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า พายุใต้ฝุ่นจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องและอาจจะมีความถี่ของการก่อตั้งมากขึ้นด้วย ซึ่งอาจเป็นผลกระทบมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของโลกที่มีความร้อนมากขึ้น ซึ่งเราคงต้องจับตาดูกันต่อไป”
เขายังคาดการณ์ว่า บริษัทประกันมีแนวโน้มที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยที่มากขึ้นทุกขณะ
สำหรับสถานการณ์ในฮ่องกงนั้น พายุใต้ฝุ่นถือว่าเป็นภัยพิบัติอันดับต้นๆที่ได้สร้างความเสียหายต่อเนื่องมาจากปี 2013-2018 โดยจากรายงานที่เปิดเผยออกมา ระบุว่าจากการขอเรียกร้องใช้สิทธิทั้ง 1,169 รายการ คิดเป็นมูลค่าถึง 25.4 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นแค่ 10% ของตัวเลขทั้งหมด
มีรายงานว่า พายุใต้ฝุ่นทั้ง 5 ลูกได้สร้างความเสียหายให้เกาะฮ่องกงอย่างต่อเนื่องในระหว่างเดือนมิ.ย.-ต.ค. 2017 ที่ผ่านมา โดยมียอดไปแตะที่ 935 ล้านเหรียญฮ่องกง (120 ล้านเหรียญสหรัฐ) รวมถึงใต้ฝุ่น Hato ซึ่งมียอดไปแตะที่ 858 ล้านเหรียญฮ่องกง
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกาะฮ่องกงไดเผชิญหน้ากับพายุใต้ฝุ่นมังคุด ซึ่งถือว่าเป็นลูกที่รุนแรงที่สุด และสร้างความเสียหายมากกว่าพายุ Hato
แต่สำหรับพายุมังคุดเพียงลูกเดียว กลับทำให้ต้องมีการขอใช้สิทธิเคลมประกันจากความเสียหายเป็นมูลค่าสูงกว่า 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยครอบคลุมที่ จีน ฮ่องกง และมาเก๊า ตามที่นาย Zeng ให้สัมภาษณ์ไว้
จากข้อมูลล่าสุดในปี 2018 ระบุว่า ฮ่องกงอยู่ใน Top3 อันดับแรก ของเมืองที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านภัยพิบัติจากธรรมชาติมากที่สุด แต่ก็ถือว่าหล่นลงมาจากอันดับหนึ่งที่เคยได้เมื่อปี 2017 ซึ่งวาตภัยถือว่าเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุด
ปัญหาภัยพิบัติจากวาตภัยก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนิ่งนอนใจได้ และไม่ใช่แค่ฮ่องกงเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย จากรายงานของ Allianz ได้ระบุว่า วาตภัยถือว่าเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายติดอันดับ 4 จากใน 10 สาเหตุของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้วสร้างความเสียหายมากที่สุด โดยคำนวณจากการจ่ายค่าประกัน ซึ่งคิดเป็น 7% จากมูลค่าของประกันทั้งหมด
กรณีตัวอย่างเช่น ใต้ฝุ่นที่เข้าจู่โจมประเทศญี่ปุ่นอย่าง Jebi ซึ่งเป็นใต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1993 มีความแรงลมมากกว่า 22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ในเดือนตุลาคม พายุใต้ฝุ่น Michael ก็เข้าเล่นงานสหรัฐ และถูกจัดให้ติดอันดับ 4 ของพายุที่แรงที่สุดที่เคยเข้าสู่สหรัฐด้วย
“ภัยธรรมชาติในทวีปเอเชียกำลังกลายเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คน บ้านเรือน และกระทบในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การขยายตัวของธุรกิจ สิ่งก่อสร้าง อาคาร ซึ่งก็ได้รับผลกระทบถ้วนหน้า และถือว่าเป็นสิ่งที่คุกคามทวีปเอเชียอยู่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุใต้ฝุ่น” วิศวกรผู้เชี่ยวชาญพิเศษของ AGCS นาย Raymond Hogendoorn ได้กล่าวไว้
ในปี 2017 พายุเฮอริเคน Harvey Irma และ Maria ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก พายุทั้งสามลูกถือว่าสร้างความเสียหายมากที่สุดในช่วงทศวรรษหลังด้วย
นาย Duncan Southcott ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยและขนส่ง ก็ได้กล่าวถึงความกังวลในเรื่องภัยพิบัติสำหรับภูมิภาคนี้ ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อภาคประกันภัยเช่นกัน
มีรายงานว่า พายุใต้ฝุ่นทั้ง 5 ลูกได้สร้างความเสียหายให้เกาะฮ่องกงอย่างต่อเนื่องในระหว่างเดือนมิ.ย.-ต.ค. 2017 ที่ผ่านมา โดยมียอดไปแตะที่ 935 ล้านเหรียญฮ่องกง (120 ล้านเหรียญสหรัฐ) รวมถึงใต้ฝุ่น Hato ซึ่งมียอดไปแตะที่ 858 ล้านเหรียญฮ่องกง
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกาะฮ่องกงไดเผชิญหน้ากับพายุใต้ฝุ่นมังคุด ซึ่งถือว่าเป็นลูกที่รุนแรงที่สุด และสร้างความเสียหายมากกว่าพายุ Hato
แต่สำหรับพายุมังคุดเพียงลูกเดียว กลับทำให้ต้องมีการขอใช้สิทธิเคลมประกันจากความเสียหายเป็นมูลค่าสูงกว่า 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยครอบคลุมที่ จีน ฮ่องกง และมาเก๊า ตามที่นาย Zeng ให้สัมภาษณ์ไว้
จากข้อมูลล่าสุดในปี 2018 ระบุว่า ฮ่องกงอยู่ใน Top3 อันดับแรก ของเมืองที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านภัยพิบัติจากธรรมชาติมากที่สุด แต่ก็ถือว่าหล่นลงมาจากอันดับหนึ่งที่เคยได้เมื่อปี 2017 ซึ่งวาตภัยถือว่าเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุด
ปัญหาภัยพิบัติจากวาตภัยก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนิ่งนอนใจได้ และไม่ใช่แค่ฮ่องกงเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย จากรายงานของ Allianz ได้ระบุว่า วาตภัยถือว่าเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายติดอันดับ 4 จากใน 10 สาเหตุของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้วสร้างความเสียหายมากที่สุด โดยคำนวณจากการจ่ายค่าประกัน ซึ่งคิดเป็น 7% จากมูลค่าของประกันทั้งหมด
กรณีตัวอย่างเช่น ใต้ฝุ่นที่เข้าจู่โจมประเทศญี่ปุ่นอย่าง Jebi ซึ่งเป็นใต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1993 มีความแรงลมมากกว่า 22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ในเดือนตุลาคม พายุใต้ฝุ่น Michael ก็เข้าเล่นงานสหรัฐ และถูกจัดให้ติดอันดับ 4 ของพายุที่แรงที่สุดที่เคยเข้าสู่สหรัฐด้วย
“ภัยธรรมชาติในทวีปเอเชียกำลังกลายเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คน บ้านเรือน และกระทบในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การขยายตัวของธุรกิจ สิ่งก่อสร้าง อาคาร ซึ่งก็ได้รับผลกระทบถ้วนหน้า และถือว่าเป็นสิ่งที่คุกคามทวีปเอเชียอยู่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุใต้ฝุ่น” วิศวกรผู้เชี่ยวชาญพิเศษของ AGCS นาย Raymond Hogendoorn ได้กล่าวไว้
ในปี 2017 พายุเฮอริเคน Harvey Irma และ Maria ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก พายุทั้งสามลูกถือว่าสร้างความเสียหายมากที่สุดในช่วงทศวรรษหลังด้วย
นาย Duncan Southcott ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยและขนส่ง ก็ได้กล่าวถึงความกังวลในเรื่องภัยพิบัติสำหรับภูมิภาคนี้ ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อภาคประกันภัยเช่นกัน
Source: SCMP