Habitat Groupประกาศพร้อมขึ้นเบอร์ 1ไลฟ์สไตล์อินเวสเม้นท์ชูกลยุทธ์ 4 จุดแข็ง
‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ ประกาศวิสัยทัศน์ก้าวสู่ THE CREATOR OF LIFESTYLE INVESTMENT สร้างมาตรฐานใหม่ ตลาดอสังหาฯ เพื่อการลงทุน เผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กร ย้ำจุดแข็ง 4 ด้าน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ สร้างผลตอบแทนที่มีคุณค่า เพื่อเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า ผลักดันยอดขายแตะหมื่นล้าน
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ฮาบิแทท กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013 เริ่มจากเดิมเป็นผู้ที่ชอบลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ขาดการบริหารจัดการดูแลที่เป็นระบบ ทำให้เกิดแนวคิดการบริหารอสังหาริมทรัพย์แบบปล่อยเช่าที่มีการบริการจัดการแบบโรงแรมเข้ามาเพิ่มมูลค่าของโครงการอสังหาให้เพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาของ“ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์” (Lifestyle Investment) ด้วยการบริการ Rental Solution แบบเต็มรูปแบบ
ผู้ลงทุนที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของ ฮาบิแทท กรุ๊ป จะได้ผลตอบแทนที่ 6% ในช่วง 3 ปีแรก และเมื่อระบบเข้าที่ในปีที่ 4 เป็นต้นไปจะได้ในรูปของ Profit Sharing ไปตลอด 30 ปี และถ้าขายอสังหาริมทรัพย์ออกไปยังได้ในรูป capital Gain จากราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งระบบการดูแลระดับโรงแรม ที่ให้บริการคนเข้าพักได้ตลอดทั้งปี ซึ่งผู้ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถเข้ามาพักห้องตนเองได้ปีละ 14 วัน และได้ส่วนลดในโครงการอื่นๆ
ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้เริ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากพื้นที่เมืองพัทยาด้วยเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของคนกรุงเทพและชาวต่างชาติจึงเริ่มเปิดโครงการที่พัทยาเป็นแห่งแรก จนปัจจุบันในพัทยามีกว่า 7 โครงการ และขยายเข้าสู่กรุงเทพมหานครจนปัจจุบันมีแล้วกว่า 5 โครงการ ด้วยอัตราการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และการมีโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐอาทิ EEC ที่จะส่งผลให้พัทยาเป็นเมืองพักผ่อนที่สำคัญ
รวมทั้งคนรุ่นใหม่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ทำให้“ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์” (Lifestyle Investment) ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำทางการตลาด และวันนี้พร้อมก้าวไปอีกขั้นด้วยการประกาศวิสัยทัศน์เพื่อก้าวสู่ “THE CREATOR OF LIFESTYLE INVESTMENT” ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุน ที่ไม่ใช่แค่พัฒนาโปรดักส์และ การให้บริการเท่านั้น แต่ยังเป็นการมอบความคุ้มค่าในการลงทุน ภายใต้แนวคิด Invest Remarkably, Live Extraordinary
“การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ของฮาบิแทท กรุ๊ป ที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีจากการลงทุนที่คุ้มค่า ให้ผลตอบแทนในระยะยาว (Passive Income) อีกทั้งยังสามารถส่งต่อเป็นทรัพย์สินให้ลูกหลานในอนาคต รวมถึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว พร้อมสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนด้วยบริการที่ได้มาตรฐานระดับสากล” นายชนินทร์กล่าว
ทั้งนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ “THE CREATOR of LIFESTYLE INVESTMENT” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ ผ่านจุดเด่นที่แตกต่าง 4 ด้านสู่ความสำเร็จ ได้แก่
- UNBREAKABLE CHALLENGER ทีมงานที่มีความมุ่งมั่น และไม่หยุดแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า มองไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต
- REALISTIC OPTIMIST เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต ด้วยการยึดถือความเป็นจริงเป็นหลัก และสร้างโอกาสความเป็นไปได้อยู่เสมอ โดยไม่หวั่นไหวกับปัญาหาและอุปสรรคใดๆ
- SERVICE INNOVATOR มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการ สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
เพื่อยกระดับสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ล้ำหน้าอยู่เสมอ - ZENITH OF VISIONARIES มุ่งศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้ถึงพฤิตกรรมของลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด สอดรับกับการขยายตัวของตลาดโลก
จุดเด่นที่ทางฮาบิแทท กรุ๊ป มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในด้านการจัดการ คือ ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ (Habitat Hospitality) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเพื่อมอบผลลัพธ์ด้านผลตอบแทนสูงสุดให้กับลูกค้า ปัจจุบัน ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนกว่า 12 โครงการ (Lifestyle Investment)
โดยเฉพาะในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ บริษัทได้มีการดึงแบรนด์โรงแรมชั้นนำของโลกเข้ามาบริหารถึง 4 แบรนด์ ได้แก่ ครอสทู , วินด์ดัม, เบสท์ เวสเทิร์น และรามาด้า บาย วินด์ดัม โรงแรมที่ได้เปิดให้บริการแล้ว คือ เดอะ วิลล์ จอมเทียน, ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์, และครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ ทางด้าน บลูเฟียร์ บีดับเบิลยู พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น บาย เบสท์เวสเทิร์น และเบสท์เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา ซึ่งจะเปิดให้บริการปี 2563, วินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา เปิดให้บริการปี 2564
ส่วนโครงการที่อยู่ในระหว่างการขายอย่าง รามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา กวาดยอดขายไปแล้วกว่า 50% จากการเปิดการขายอย่างเป็นทางการเพียง 2 เดือน ซึ่งเมืองพัทยามีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเข้าพัก 70-80% และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากจากการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง เช่น รถไฟความเร็วสูง การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกปีละ 5 – 7 ล้านคน
อย่างไรก็ดี ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมแผนการเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสอีก 1 โครงการ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 8 ไร่เศษ ในย่านจอมเทียน ประกอบไปด้วย คอนโดมิเนียมซื้อเพื่อลงทุนและคอนโดมิเนียมซื้อเพื่ออยู่อาศัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท
ส่วนในกรุงเทพฯ บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดตัว 3 โครงการ คือ เลอรอย ร่วมฤดี ที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่, คอนโดมิเนียมแบรนด์วาลเด้น ซึ่งเป็นลักชัวรี่แฟล็กชิฟแบรนด์ของฮาบิแทท 2 ทำเล คือ วาลเด้น อโศก และวาลเด้น สุขุมวิท 39 ในครึ่งปีหลัง 2562 ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้รุกจับมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ โดยล่าสุดได้ร่วมทุนกับ ลิสต์ กรุ๊ป บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์วาลเด้น เพิ่มอีก 2 โครงการ คือ “วาลเด้น ทองหล่อ 8” และ “วาลเด้น ทองหล่อ13” รวมมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในไตรมาส 4/2562 ทั้งนี้เพื่อผลักดันแบรนด์และขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์นานาชาติของลิสต์ กรุ๊ป
“แม้ช่วงครึ่งปีแรก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวจากเศรษฐกิจที่ผันผวนเนื่องจากสงครามการค้า รวมทั้งมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร แต่แนวโน้มของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูง โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยาที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฮาบิแทท กรุ๊ป มีความมั่นใจที่จะพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มีความคุ้มค่าให้กับนักลงทุน” นายชนินทร์กล่าว
สำหรับปี 2562 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมในทองหล่อ 2 โครงการ ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนยอดขายในช่วงไตรมาส 4/2562 ส่วนยอดโอนบริษัทฯ มั่นใจจะสามารถทำได้
ตามเป้าที่วางไว้จำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนไปจนถึงปี 2564
คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้ายอดขายแตะหมื่นล้านบาท จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในปัจจุบัน และยังคงมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตและมอบผลลัพธ์การลงทุนที่คุ้มค่าให้กับลูกค้า และตอบสนองความเชื่อมั่นในแนวทางการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์
ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน