ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนเดือด ฝรั่ง-ญี่ปุ่นพร้อมบุกตลาด
- นิสสันร่วมลงทุนกับDongfeng Motor Group กว่า 6 หมื่นล้านหยวน ( 9.54 พันล้านดอลลาร์)ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
- โฟล์คสวาเก้น เตรียมลงทุนร่วมกับพาร์ทเนอร์จีนด้วยเงินมหาศาล กว่า 1 หมื่นล้านยูโร (12.4 พันล้านดอลลาร์)
- ตลาดจีนกลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดที่ทุกค่ายรถเทน้ำหนักการลงทุน เร่งเปิดโมเดลรถใหม่ๆ โดยหวังว่าตลาดรถจีนจะช่วยเร่งยอดขายของบริษัทรถทั้งหลายได้ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมมากขึ้น
ตลาดใหญ่อย่างจีนที่มีทั้งบริษัทรถเจ้าถิ่นและบริษัทรถข้ามชาติรายใหญ่ระดับโลก ล้วนเข้าสู่สมรภูมิการทำตาดรถยนต์อย่างดุเดือด โดยเฉพาะการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอนนี้ จีนกลายเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บริษัทนิสสัน ได้เข้าไปร่วมทุนกับบริษัทผลิตรถท้องถิ่นชื่อ Dongfeng Motor Group โดยพร้อมเงบลงทุนกว่า 6 หมื่นล้านหยวน หรือราว 12.4 พันล้านดอลลาร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่โฟล์คสวาเก้น ที่เป็นคู่แข่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็มีแผนในการลงทุนอีกกว่า 1 หมื่นล้านยูโร หรือ 12.4 พันล้านดอลลาร์
ทางด้านบริษัทDongfeng Motor Group วางแผนไว้ว่าจะออกโมเดลรถยนต์ใหม่ประมาณ 40 รุ่นภายในปี 2022 โดยครึ่งหนึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยวางเป้าหมายไว้ว่าจะขายรถให้ได้ 2.6 ล้านคันภายในปี 2026
ล่าสุดนิสสันสามารถแซงหน้าฮุนได ค่ายรถจากเกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในตลาดรถยนต์ในจีนได้ด้วยยอดเติบโตถึง 12% ยอดขายรถอยู่ที่ 1.52 ล้านคัน ยังเป็นรองแค่ โฟล์คสวาเก้นและเจเนอรัลด์ มอเตอร์
การเติบโตของรถไฟฟ้าทำให้บริษัทอย่าง BYD และบริษัทอื่นๆเร่งลงทุนและทำการตลาดในรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นสอดคล้องกับมาตรการโควต้าสำหรับรถพลังงานยุคใหม่จะมีผลในปี 2019 ที่จะส่งผลให้ลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนโตขึ้นอีกมากทั้งในรูป รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบและรถยนต์ไฟฟ้าบางส่วน
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ของโฟล์คสวาเก้นผู้นำตลาดปีที่แล้วอยู่ที่ 4.18 ล้านคัน และมีแผนจะปล่อยรุ่นใหม่ๆอีกกว่า 40 แบบที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งลูกผสมและเต็มรูปแบบในปี 2025 นอกจากนี้การร่วมลงทุนกับบริษัทรถยนต์จีนอันดับ 3 กำลังนำไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าในตลาดจีนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น รถไร้คนขับ ระบบจ่ายไฟฟ้า
ส่วนอันดับสองอย่าง GM ขายได้ 4.04 ล้านคัน ก็เตรียมปล่อยรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งรวมถึงรถยนต์ยี่ห้อคาร์ดิแลค (Cadillac) ซึ่งเป็นแบรนด์รถหรูของค่าย GM รวมกันไม่น้อยกว่า 10 รุ่นที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ
ขณะที่ทางด้านค่ายรถญี่ปุ่นอย่างโตโยต้าแม้ว่ายอดขายในจีนจะเพิ่มขึ้น 8.5% สามารถขายได้สูงถึง 1.4 ล้านคัน และน่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขายได้ในปี 2020
ค่ายฮอนด้าสามารถขายรถยนต์ในจีนปีที่แล้วถึง 1.45 ล้านคันและจะเริ่มเปิดสายการผลิตในโรงงานแห่งที่ 6 มูลค่า 3 พันล้านหยวนซึ่งจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบบไฮบริดผสมไฟฟ้าได้
ขณะที่มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลจีนเข้มงวดมากขึ้นขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจในภาคชนบทของจีนเป็นตัวขับดันให้ยอดขายรถยนต์ในจีนยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งสองเรื่องนี้จะต้องไปพร้อมกัน นั่นทำให้อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆยังสดใสต่อไป
Source: Nikkei