25-05-2018

บริษัท Didi Chuxing เตรียมทำ IPO เข้าตลาดหุ้นฮ่องกงในช่วงครึ่งปีหลังนี้

บทความโดย
  • Didi Chuxing บริษัทผู้ให้บริการเรียกรถรายใหญ่ที่สุดจากจีนเตรียมระดมทุนในตลาดหุ้นช่วงครึ่งปีหลังของปี 2018 นี้
  • มูลค่าของบริษัท Didi Chuxing  อาจอยู่ที่ราว 7- 8หมื่นล้านเหรียญเลยทีเดียว
  • ตลาดหุ้นฮ่องกงกำลังเป็นที่รองรับบริษัทเทคโนโลยีจากจีนที่กำลังต้องการระดมทุนจากตลาดหุ้น และอาจทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงได้รับความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จากจีน


คลื่นของการเปลี่ยนแปลงจากบริษัทเทคโนโลยีของจีน โดยเฉพาะการเตรียมนำบริษัททำ IPO เข้าตลาดหุ้นอย่างตลาดหุ้นฮ่องกงที่เราจะได้เห็นบริษัทยูนิคอร์นจากจีนที่มีมูลค่าราว 7-8 หมื่นล้านเหรียญเข้ามาสร้างความตื่นตัวในตลาดหุ้นฮ่องกง เศรษฐกิจใหม่จากบริษัทเทคโนโลยีจากจีนกำลังเปลี่ยนตลาดหุ้นทั้งในฮ่องกงและอาจจะรวมถึงในเอเชียอีกด้วย

ประเทศจีนนับว่าเป็นประเทศที่มีพลวัตรทางด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ต้องขอบคุณการเติบโตของเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตที่เติบโตจากการใช้มือถือสมาร์ทโฟนจำนวนมหาศาลรวมทั้งพฤติกรรมของคนจีนที่เริ่มมีมือถือเป็นครั้งแรก ซึ่งคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นใน 12-24 เดือนข้างหน้าจะมาจากบริษัทเทคโนโลยีจากจีนและจะทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงโดดเด่นและน่าสนใจ

หลังจาก Uber แพ้ในตลาดจีนจนต้องออกจากตลาดจีนไปในปี 2016 พร้อมกับการต้องแลกสัดส่วนหุ้นกับ Didi ผู้ให้บริการรายใหญ่ของจีน รวมทั้ง Apple Softbank Alibaba และ Tencent ด้วย  โดยปีที่แล้วDidi มีผู้ใช้บริการผ่านแอพของ Didi ราว 7.4 พันล้านครั้ง ขณะที่ทางUber อยู่ที่ราว 4 พันล้านครั้ง ซึ่งยืนยันถึงความแข็งแกร่งของการให้บริการของDidi อย่างมาก

Didi ยังขยายธุรกิจออกไปทั่วโลกผ่านการสร้างพันธมิตรกับ Lyft ในอเมริกา กับ Grab ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับ Ola ในอินเดียรวมถึง  Careem ผู้ให้บริการเรียกรถในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้น IPO ของ Didi ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยทาง Didi ได้ปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินจากบางธนาคารตั้งแต่เมษายนปีทีแล้ว

อย่างไรก็ตามการเสนอขายหุ้นที่จะเกิดขึ้นยังมีข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสารจากกรณีที่มีผู้หญิงเสียชีวิตหลังจากเรียกใช้บริการแอพ Didi ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน

สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง Didi ได้ยกเครื่องความปลอดภัยโดยนำระบบการแสกนใบหน้าและระบบจดจำใบหน้าสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนมาใช้ก่อนเริ่มให้บริการในแต่ละวัน

Source: SCMP