จีนเร่งกู้เศรษฐกิจภายในก่อนเข้าโต๊ะเจรจาสงครามการค้ากับสหรัฐฯสัปดาห์นี้

• ตลาดหุ้นจีนจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาฟื้นตัวส่วนหนึ่งจากสงครามการค้าที่ส่งผลรุนแรงต่อบริษัทจีนในตลาดเป็นอย่างมาก
• ทางการจีนเร่งมาตราการช่วยเหลือและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร่งการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจรวมถึงการออกพันธบัตรโครงสร้างพื้นฐาน โดยหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ดีขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาเรื่องภาษีนำเข้ากับสหรัฐในสัปดาห์นี้

การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์นี้รัฐบาลจีนมีความกังวลมากขึ้นว่าเงินลงทุนกำลังหนีจากตลาดตราสารทุนของจีน

นี่เป็นผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจภายในประเทศจีน ขณะเดียวกันดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้แตะที่ 2,653 จุดในวันจันทร์ที่เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 2,655 จุดในเดือนมกราคมปี 2016 โดยดัชนีลดลงมากกว่า 18% ในปีนี้ ขณะที่ทางด้านประเทศอาร์เจนตินาซึ่งตกลงที่จะขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจำนวน 5 หมื่นล้านเหรียญจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟในเดือนมิ. ย. พร้อมกับสถานการณ์ของดัชนีตลาดหุ้นในตุรกีที่ตกลงไปแล้ว 20% ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องของค่าเงินลีราของตุรกีอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง

ขณะที่รัฐบาลจีนช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเร่งเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่ของจีนเริ่มตื่นตัวมากขึ้นและทราบว่าหากปล่อยนให้เศรษฐกิจถดถอยต่อไปจะเป็นอุปสรรคในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนในวันพุธนี้

ท่ามกลางตลาดหุ้นจีนยังไม่ฟื้น ทางด้านหน่วยงานด้านการกำกับตลาดการเงินหันมาให้ความสำคัญต่อการฟื้นเศรษฐกิจ ทางด้านธนาคารกลางแห่งชาติจีนและคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีน (CBIRC) ได้แจ้งให้ธนาคารจีนรายใหญ่แห่งหนึ่งเรื่องการตรวจสอบที่จะดำเนินการในเดือนนี้ในด้านต่างๆเช่น สินเชื่อเงินฝากและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ทางการจีนพยายามที่สร้างสภาพคล่องให้กับ บริษัทขนาดใหญ่ตลอดจนรัฐบาลท้องถิ่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังทางการเงินกลับส่งทิศทางการบริหารให้ผู้ประกอบการธนาคารแทนการดำเนินเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ทางด้านCBIRC ได้ออกมาแจ้งเตือนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาให้มีการทบทวนการยกเลิกสินเชื่อชั่วคราวซึ่งสร้างความปวดหัวให้แก่ธุรกิจจำนวนมาก โดยทางคณะกรรมการ CBIRC เน้นเรื่องการปล่อยสินเชื่อแก่บริษัทส่งออกและให้เร่งปล่อยสินเชื่อแก่โครงการงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

การผลักดันดังกล่าวมาจากกระทรวงการคลังที่กำกับดูแลรัฐบาลท้องถิ่นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมเพื่อเร่งดำเนินการในการออกพันธบัตรโครงสร้างพื้นฐาน โดยยอดหนี้ประจำปีนี้ยังอยู่ในอัตราดอกเบี้ยเดิมก่อนที่จะเริ่มปรับดอกเบี้ยขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมของปีนี้

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ Wang Shouwen จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อพบกับ David Malpass ปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลกิจการระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในทีมงานเจรจาครั้งนี้ โดยการเจรจารอบนี้อาจนำไปสู่การประชุมเจรจาครั้งสำคัญระหว่างประธานาธิบดีจีน Xi Jinping และประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ในเดือนพฤศจิกายน

ทางด้านตลาดหุ้นจีนยังไม่สามารถฟื้นกลับมาได้แม้จะเริ่มมีแนวทางสำหรับการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้า ราคาหุ้นของ Baoshan Iron & Steel ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในจีนได้รับผลกระทบรุนแรงจากอัตราภาษีนำเข้าเหล็กใหม่ของสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับลดลงไปแล้วกว่า 20% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน แม้ว่าจะมีกำไรดีขึ้นพร้อมกับราคาเหล็กในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

ส่วนบริษัทที่ผูกติดกับ “Made in China 2025” กำลังเผชิญกับแรงต่อต้านจากวอชิงตันส่งผลต่อมูลค่าของบริษัทลดลงหลายบริษัทอาทิ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ และผู้ผลิตแผงโซล่าร์ BOE Technology Group ราคาหุ้นลดลงไปแล้ว 30% และ 40%  ตามลำดับ

สหรัฐฯกำลังเตรียมที่จะกำหนดอัตราค่าภาษีใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีกมูลค่า 16,000 ล้านเหรียญในวันพฤหัสบดีและทางการจีนเองก็พร้อมจะตอบโต้ในทันที ทางทำเนียบขาวได้ประกาศเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐที่นำเข้าไปในจีนมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

Source: Nikkei