จับชีพจร “Bitcoin” เมื่อภาครัฐ-ธนาคารเริ่มจับตาและควบคุม
- ช่วงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ตกลงมาต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน ที่ราคา 5,947.40 เหรียญสหรัฐฯ
- ช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่เติบโตรวดเร็วที่สุด คือ เติบโตมากกว่า 1,300%
- รัฐบาลทั่วโลกกำลังหามาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมสกุลเงินดิจิตอล จากความกังวลเรื่องความเสี่ยงในการลงทุน
- Facebook เริ่มการบล็อคการโฆษณา Bitcoin
- ธนาคารหลายแห่งเริ่มมาตรการห้ามซื้อขายเงินดิจิตอลผ่านบัตรเครดิต
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาสกุลเงินดิจิตอล หรือ Cryptocurrency เริ่มได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากสกุลเงินดิจิตอลเหล่านี้นั้นสามารถสร้างกำไรให้กับผู้ที่ครอบครอง ผ่านระบบการซื้อขายได้เป็นอย่างมาก แต่สถานการณ์ล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่สกุลเงินดิจิตอลกำลังอยู่ในภาวะไม่สู้ดีนัก เนื่องจากราคาของสกุลเงินดิจิตอลหลักอย่าง “Bitcoin” ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนต่ำกว่าระดับ 6,000 เหรียญสหรัฐฯเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
ราคา “Bitcoin” นั้นเริ่มตกต่ำลงจากจุดสูงสุดในช่วงวันที่ 16 ธันวาคม 2017 ที่ราคา 19,343.04 เหรียญสหรัฐฯ แล้วตกต่ำลงมาเรื่อยๆ แม้จะมีช่วงที่กระเตื้องขึ้นบ้างเป็นระยะ ก่อนที่จะตกต่ำที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน ที่ราคา 5,947.40 เหรียญสหรัฐฯ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาหรือตกลงกว่าจุดสูงสุดถึง 70% โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017 Bitcoin เคยราคาตกลงไปอยู่ที่ระดับ 5,800 เหรียญสหรัฐฯมาแล้ว
ในแง่สถิติแล้วราคาของ Bitcoin ในปี 2017 นั้นถือได้ว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในระยะเวลาเพียง 8 เดือน จากราคาประมาณ 800-1,000 เหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเดือนเมษายน 2017 กลายเป็นเกือบ 20,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโตกว่า 1,300% ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
ล่าสุดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2018 ราคาของ Bitcoin ก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแตะระดับ 8,014 เหรียญสหรัฐฯแล้ว ราคาที่มีความผันผวนค่อนข้างมากเช่นนี้ ทำเกิดความกังวลว่า อนาคตของเงินสกุลดิจิตอลต่างๆนั้นจะเป็นอย่างไร
นักวิเคราะห์ด้านการเงินและการลงทุนส่วนมากยังคงให้ความเห็นว่าสกุลเงินดิจิตอลนั้นยังมีอนาคตที่สดใส จากภาพรวมเรื่องความต้องการซื้อขายและผลกำไรที่ค่อนข้างดี แม้จะมีความเสี่ยงสูงก็ตาม
“เรายังคงเห็นความต้องการในการลงทุน ความต้องการครอบครองเงินสกุลดิจิตอล ทุกอย่างนี้คือเรื่องจริง ไม่ใช่แค่กระแส” Matthew Roszak ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานบริษัท U.S. blockchain technology ระบุ
ซึ่งก็สอดคล้องกับราคาของสกุลเงินดิจิตอลอีกหลายสกุลที่ประสบภาวะราคาตกลง ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เช่น สกุลเงิน Ethereum ปรับตัวสูงขึ้น 10.7% ในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง สกุลเงิน Ripple ก็ปรับตัวสูงขึ้นถึง 6% ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
เนื่องด้วยสกุลเงินดิจิตอลนั้นยังเป็นที่ต้องการของประชาชนจำนวนมากทั่วโลก แม้ว่าความเสี่ยงในการเก็งกำไรจะสูง สถานการณ์นี้ทำให้รัฐบาลทั่วโลกเกิดความกังวล ล่าสุดสภาคองเกรสของสหรัฐฯกำลังหาช่องทางด้านกฎหมายเพื่อควบคุมสกุลเงินดิจิตอล เนื่องจากความเสี่ยงในการลงทุนมีสูง เช่นเดียวกับรัฐบาลเกาหลีใต้ และอินเดียที่ประกาศหามาตรการทางกฎหมายเพื่อจัดการกับสกุลเงินดิจิตอล แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร
ไม่เพียงแค่รัฐบาลของหลายประเทศเท่านั้น แม้แต่ภาคเอกชน อย่าง Facebook ก็เริ่มมาตรการห้ามการโฆษณาเงินดิจิตอล ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งก็ออกประกาศเตือนความเสี่ยงในการลงทุนกับสกุลเงินดิจิตอล และมีมาตรการห้ามใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อเงินดิจิตอล
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามควบคุมและป้องปรามการซื้อขายเงินดิจิตอลจากทั้งรัฐบาล และภาคธนาคาร นักการเงินจำนวนมากก็ยังให้ความเห็นว่า การเข้าไปควบคุม จำกัด หรือห้ามการซื้อขายเงินดิจิตอลนั้นไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหา แต่ควรที่จะเข้าไปทำความเข้าใจในระบบสกุลเงินดิจิตอลและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อหากฎระเบียบจะดีกว่า
แม้ว่าราคาของสกุลเงินดิจิตอลจะยังมีความผันผวน และตกลงบ้างในบางช่วง แต่ผลกำไรก็ยังสูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นๆ ทำให้ความต้องการลงทุนในสกุลเงินเหล่านี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง
Source: Reuters