สหรัฐฯอนุมัติโครงการนิวเคลียร์ให้ซาอุฯ
นายริค เพอร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสหรัฐฯได้อนุมัติ 6 คำสั่งลับเปิดทางให้ภาคเอกชนสหรัฐฯสามารถทำการขายเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์และให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคกับรัฐฐาลซาอุดิอาระเบียได้ อ้างอิงจากเอกสารทางการสหรัฐฯที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับเมื่อวันพุธที่ 27 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมา
รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ผลักดันข้อตกลงทางนิวเคลียร์ที่ครอบคลุมการแบ่งปันเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์กับรัฐบาลซาอุดิอาระเบียอย่างลับๆมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีเป้าประสงค์ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อย่างน้อย 2 แห่งในซาอุดิอาระเบีย มหาอำนาจหลายชาติไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และรัสเซีย ต่างขับเคี่ยวกันในการบรรลุงข้อตกลงทางนิวเคลียร์ในลักษณะดังกล่าวกับทางซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้คาดว่าทางการซาอุดิอาระเบียจะประกาศผู้ชนะสัญญาด้านพลังงานนิวเคลียร์ในปีนี้
การอนุมัติของรัฐมนตรีเพอร์รีที่รู้จักในชื่อ คำสั่งอนุมัติส่วนที่ 810 ได้อนุญาตให้เอกชนสหรัฐฯสามารถดำเนินการในขั้นต้นในเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ก่อนการลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการโดยที่ยังไม่มีการส่งมอบเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางนิวเคลียร์ให้กับโรงไฟฟ้าของฝั่งคู่สัญญา แหล่งข่าวใกล้ชิดกับข้อตกลงดังกล่าวระบุกับรอยเตอร์ ข่าวการอนุมัติในครั้งนี้มีการเปิดเผยครั้งแรกในรายงานข่าวของเดลิบีสท์
องค์การความมั่นคงทางนิวเคลียร์แห่งชาติหรือ NNSA (National Nuclear Security Administration) กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ กล่าวในเอกสารดังกล่าวว่า เอกชนสหรัฐฯได้ร้องขอให้รัฐบาลทรัมป์รักษาเรื่องการอนุมัติในครั้งนี้เป็นความลับ
“ในกรณีนี้ แต่ละบริษัทที่ได้รับการอนุมัติเป็นการเฉพาะสำหรับโครงการในซาอุดิอาระเบียได้ทำหนังสือร้องขอเป็นลายลักษณ์อักษรมาเพื่อให้เว้นการประกาศคำสั่งอนุมัตินี้สู่สาธารณะ” NNSA กล่าวในเอกสารที่รอยเตอร์ได้รับมา ในอดีตที่ผ่านมากระทรวงพลังงานสหรัฐฯจะทำการเผยแพร่คำสั่งอนุมัติส่วนที่ 810 ให้กับสาธารณชน โดยประชาชนสามารถมาอ่านเอกสารคำสั่งดังกล่าวได้ที่อาคารของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานกล่าวกับรอยเตอร์ว่า คำร้องขอดังกล่าวมีข้อมูลเฉพาะของแต่ละบริษัทและการอนุมัติจะต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนอนุมัติย่อยๆของหลายหน่วยงานด้วย
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาคองเกรสหลายคนมีความกังวลว่า การแบ่งปันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ให้กับซาอุดิอาระเบียนั้นท้ายที่สุดจะนำไปสู่การแข่งขันกันสะสมอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางได้
มกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมานได้พระราชทานสัมภาษณ์กับสถานีซีบีเอสเมื่อปีที่แล้วว่า ซาอุดิอาระเบียจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แน่นอนหากอิหร่านเริ่มก่อน นอกจากนั้นทางการซาอุดิอาระเบียยังปฏิเสธที่จะตกลงรับมาตรฐานของทางสหรัฐฯซี่งจะปิดกั้น 2 ขั้นตอนสำคัญคือ การเสริมสมรรถนะให้ยูเรเนียมและการนำเอาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาวัสดุฟิสไซล์ที่สามารถต่อยอดไปสู่อาวุธนิวเคลียร์ได้ในที่สุด
ความกังวลของสภาคองเกรสในการแบ่งปันเทคโนโลยีนิวเคลียร์และองค์ความรู้ที่จำเป็นกับซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้นชัดเจนหลังกรณีการสังหารนายจามาล คาช็อกกี นักหนังสือพิมพ์ชื่อดังของวvชิงตันโพสต์ในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในนครอิสตันบูล คำสั่งอนุมัติส่วนที่ 810 มีขึ้นหลังจากเดือนพฤศจิกายน 2017 แต่ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการอนุมัติดังกล่าวนี้มีส่วนใดที่ดำเนินการหลังการตายของนายคาล็อกกีหรือไม่
ส.ส.แบรด เชอร์แมนจากพรรคเดโมแครตได้เรียกร้องให้นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ทำการเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่ได้รับการอนุมัติตามคำสั่งดังกล่าวภายในเดือนเมษายนนี้ ระหว่างการแถลงของปอมเปโอต่อสภาคองเกรสเมื่อวันพุธที่ 27 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมา และนายปอมเปโอก็กล่าวกับสภาคองเกรสว่าเขาจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา ส.ส.เชอร์แมนยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลทรัมป์มีความพยายามที่จะเลี่ยงการตรวจสอบของคองเกรสในกรณีการแบ่งปันเทคโนโลยีนิวเคลียร์กับซาอุดิอาระเบีย
ปอมเปโอยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯกำลังดำเนินการเพื่อให้เกิดหลักประกันที่แน่นอนว่า การแบ่งปันเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์จะไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของอาวุธริวเคลียร์
เดือนกุมภาพันธ์ 2019 ส.ส.จากพรรคเดโมแครตได้ออกรายงานกล่าวหาว่า บรรดาวงในของทำเนียบขาวละเลยคำเตือนที่ว่า รัฐบาลทรัมป์อาจกำลังทำผิดกฎหมายอยู่เนื่องจากพวกเขากำลังทำงานกับกลุ่มของอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯที่มีชื่อเรียกว่า IP3 International ซึ่งทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เกิดความคืบหน้าของโครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์หลายแห่งในตะวันออกกลางรวมถึงในซาอุดิอาระเบียด้วย
ที่มา: รอยเตอร์