Brexit Monitor: ประเมินสถานการณ์หลังนายกฯ May เก้าอี้สะเทือน
สถานการณ์ในลอนดอน
แม้ว่านายกรัฐมนตรี Theresa May ของอังกฤษจะได้รับการสนับสนุนทางการเมืองและรับรองข้อตกลงการถอนตัวจากสมาชิก EU เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา และประกาศชัดว่าจะผลักดันการโหวตรับรองข้อตกลงนี้ในรัฐสภาอังกฤษในวันที่ 11 ธันวาคม 2018 อย่างแน่นอน แต่ด้วยปัญหาเรื่องเขตแดนระหว่างไอร์แลนด์เหนือและสาธารณรัฐไอร์แลนด์ภายใต้ข้อตกลง Backstop ที่สร้างปัญหาในแง่ที่ชายแดนระหว่าง EU และสหราชอาณาจักรบนเกาะไอร์แลนด์นี้จะไม่มีการกั้นเขตแดนและไอร์แลนด์เหนือจะต้องตกอยู่ภายใต้ข้อตกลงทางศุลกากรของ EU และส่งผลให้ทั้งประเทศอังกฤษต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆของ EU ทั้งๆที่ออกไปแล้ว
ซึ่งนักการเมืองทั้งในฟากพรรค DUP ของไอร์แลนด์เหนือเองและปีก Brexit ในพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกฯ May ต่างคัดค้านเรื่องนี้อย่างรุนแรงเพราะมองว่า อังกฤษกำลังตกเป็นทาสของ EU และสถานการณ์กลับจะแย่กว่าเป็นสมาชิกของ EU สถานการณ์ทางการเมืองของ May ในลอนดอนกลับยิ่งแย่ลงไปในช่วงที่นายกฯ May พยายามหาเสียงสนับสนุนในสภาเพื่อผ่านร่างข้อตกลงดังกล่าว
ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Theresa May พยายามหาแรงสนับสนุนจากภาคธุรกิจและฝ่ายการเมืองเอง ขณะเดียวกันธนาคารกลางอังกฤษหรือ BOE ก็ได้ออกรายงานประเมินภาพอันเลวร้ายหากอังกฤษต้องเผชิญสถานการณ์ No-Deal Brexit ค่าเงินปอนด์จะร่วงลงกว่า 25% จนต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ขณะที่เศรษฐกิจอังกฤษจะหดตัวถึง 8% แม้ว่านายกฯ May จะใช้คำขู่เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินมาต่อรองกับสภาแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล Theresa May ต้องประกาศยกเลิกการโหวตข้อตกลง Brexit ในวันที่ 10 ธันวาคม 2018 และประกาศว่าจะกลับไปเจรจากับ EU เพื่อให้ได้การรับประกันเรื่องเขตแดนไอร์แลนด์และพูดเพียงสั้นๆว่า การโหวตรอบใหม่จะไม่เกิน 21 มกราคม 2019 โดยท่าทีล่าสุดทาง EU ก็ยืนกรานว่า ไม่สามารถเจรจาเพื่อแก้ไขเนื้อหาข้อตกลงชุดนี้ได้แล้ว
ล่าสุด รายงานข่าวจาก Sky News ระบุว่า คณะกรรมการ 1922 ของพรรคอนุรักษ์นิยมได้รับจดหมายเพื่อยื่นลงมติไม่ไว้วางใจครบ 48 ฉบับแล้ว ซึ่งหากเป็นจริงจะนำไปสู่ขั้นตอนการลงมติไม่ไว้วางใจจาก ส.ส.ในพรรคอนุรักษ์นิยมอันจะส่งผลให้ Theresa May หลุดจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีอังกฤษในที่สุด ทั้งนี้ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นที่ลอนดอนนั้น ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของนายกฯ May ที่กลับมายังทำเนียบนายกฯที่หมายเลข 10 ดาวน์นิ่งสตรีทอย่างเร่งด่วนและคาดว่าเพื่อจะรับทราบข่าวร้ายชิ้นนี้ โดยมีการประเมินว่า Theresa May อาจเผชิญกับการลงมติไม่ไว้วางใจภายในคืนวันที่ 12 ธันวาคม 2018
ค่าเงินปอนด์
ความปั่นป่วนในลอนดอนส่งผลลบอย่างชัดเจจนต่อค่าเงินปอนด์ซึ่งอ่อนค่าลงอย่างชัดเจนทั้งกับดอลลาร์สหรัฐฯและกับค่าเงินยูโร โดยในช่วงที่นายกฯ May พยายามหาเสียงสนับสนุนในสภานั้น ค่าเงินปอนด์ยังรักษาระดับการซื้อขายไว้ที่ 1.2700-1.2800 ดอลลาร์ต่อปอนด์ไว้ได้ แต่หลังจากนายกฯ May ช็อคโลกด้วยการประกาศยกเลิกการโหวตข้อตกลง Brexit เพียง 1 วันก่อนการลงคะแนน
ตลาดการเงินก็ตื่นตระหนกเพราะกังวลถึงความไม่แน่นอนที่อาจเพิ่มขึ้นภายใต้เวลาที่น้อยลงของรัฐบาลอังกฤษ เมื่อสมทบกับข่าวลือที่นายกฯ May อาจหลุดจากเก้าอี้ได้ในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ร่วงลงหนักขึ้นไปอีก โดยล่าสุดค่าเงินปอนด์ได้หลุดจากแนวรับสำคัญที่ 1.2700 และไหลลงมาทำสถิติต่ำสุดที่ระดับ 1.2480 เมื่อเช้ามืดของวันที่ 12 ธันวาคม 2018 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 20 เดือน
วิเคราะห์สถานการณ์ข้างหน้า
บทวิเคราะห์ก่อนหน้านี้เราได้ประเมินความเป็นได้ 5 สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนการโหวตข้อตกลง Brexit โดยการที่ Theresa May เสี่ยงที่จะหลุดออกจากตำแหน่งเป็น 1 ในสถานการณ์ที่เราประเมินไว้ และเราก็คาดการณ์ว่าค่าเงินปอนด์น่าจะลงไปทดสอบ 1.2500-1.2600 ดอลลาร์ต่อปอนด์ทันทีที่ข่าวออก ซึ่งสถานการณ์ในตลาดการเงินที่ออกมาเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้สถานการณ์การเมืองในลอนดอนจะยังคงมีความปั่นป่วนต่อไป ทั้งนี้หาก Theresa May ต้องเข้าสู่กระบวนการลงมติไม่ไว้วางใจจริง เธอต้องการเสียง ส.ส. พรรคอนุรักษ์นิยม 158 คน จากทั้งหมด 315 คนเพื่อให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของเธออยู่รอดต่อไปได้ โดยสถานการณ์ข้างหน้าที่เป็นไปได้มีดังนี้
- นายก May รอดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจ หากกรณีนี้เกิดขึ้น จะเป็นผลบวกต่อตลาดเงินในระยะสั้น รัฐบาลชุดเดิมยังทำงานต่อไปได้ ไม่ต้องเสียเวลาในการฟอร์มรัฐบาลใหม่ ค่าเงินปอนด์จะเด้งขึ้นมาอยู่ที่ 1.2600-1.2650 ดอลลาร์ต่อปอนด์ทันทีที่ข่าวนี้ออก อย่างไรก็ตาม สภาพความเสี่ยงทางการเมืองในอังกฤษจะยังคงดำรงต่อไป เนื่องจากว่านายกฯ May ยังต้องเผชิญแรงต่อต้านจาก ส.ส.ภายในพรรคอนุรักษ์นิยมเองและจากพรรคอื่นๆในรัฐสภาอังกฤษ รัฐบาลอังกฤษจะเผชิญความยากลำบากในการผลักดันข้อตกลง Brexit ให้ผ่านสภาซึ่งเหลือเวลาไม่มาก ทาง EU เองก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแก้ไขเนื้อหาในข้อตกลง Brexit ในเรื่องของเขตแดนไอร์แลนด์เหนือหรือ backstop ทั้งนี้หาก Theresa May ไม่สามารถโน้มน้าวให้สภารับร่างข้อตกลง Brexit ได้ ความปั่นป่วนทางการเมืองในลอนดอนจะเพิ่มความผันผวนให้สูงขึ้นต่อค่าเงินปอนด์ ค่าเงินปอนด์จะไหลลงท่ามกลางความผันผวนตามปัจจัยการเมืองในลอนดอน โดยกรณีนี้ค่าเงินปอนด์จะถูกกดลงมาให้ซื้อขายในช่วง 1.2400-1.2500 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ขณะที่กรณีที่เลวร้ายกว่านั้น ในช่วงเดือนนี้จนถึงมกราคม 2019 ก็มีโอกาสสูงที่อาจมีรัฐมนตรีบางคนประกาศลาออก เพื่อประท้วงแนวทางการบริหารสถานการณ์ Brexit ของ Theresa May ได้ และนั่นจะส่งผลให้ตลาดตื่นตระหนกมากขึ้น โดยค่าเงินปอนด์จะร่วงลงไปทดสอบที่ระดับ 1.2300 ดอลลาร์ต่อปอนด์ได้ในสถานการณ์นี้ โดย key man คนสำคัญที่ทุกคนต้องจับตาก็คือ นาย Michael Gove รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม ปีก Brexit ที่ยังอยู่ในรัฐบาลนายกฯ May ซึ่งเคยมีข่าวลือว่าจะลาออกตามนาย Dominic Raab อดีตรัฐมนตรีกระทรวง Brexit ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ฉะนั้นแล้ว หากนายกฯ May รอดจากการลงมติไม่ไว้วางใจไปได้ สิ่งที่จะกำหนดความเคลื่อนไหวในตลาดก็คือ เธอจะยังคงความเป็นผู้นำในรัฐบาลและรัฐสภาได้มากแค่ไหนนับจากนี้ไป
- นายกฯ May หลุดจากตำแหน่ง ค่าเงินปอนด์จะร่วงลงราว 0.80-1.00% ทันทีที่ข่าวนี้ออก โดยน่าจะซื้อขายที่ระดับ 1.2375-1.2400 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ทำให้ขั้นต่อไปจะต้องมีการเลือกตื้งหัวหน้าพรรคคนใหม่เพื่อมาดำรงตำแหน่งนายกฯอังกฤษต่อจาก Theresa May ภายใต้สถานการณ์ที่เวลาน้อยลงไปทุกขณะ อย่างไรก็ตามข้อดีของสถานการณ์นี้ก็คือ หากนายกฯคนใหม่ที่มาดำรงตำแหน่งมีบารมีทางการเมืองมากพอ การเมืองในลอนดอนจะหลุดพ้นภาพความปั่นป่วนในยุค Theresa May ได้ รัฐบาลและรัฐสภาจะมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มที่ทาง EU อาจยอมปรับแก้ข้อตกลง Brexit ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้ เรามองว่า นาย Michael Gove เป็นที่มีศักยภาพที่ดีที่สุดในตอนนี้ที่จะมารับไม้ต่อหาก Theresa May ต้องหลุดจากตำแหน่ง ข่าวการรับตำแหน่งนายกฯของเขาน่าจะช่วยให้ค่าเงินปอนด์ฟื้นมาอยู่ที่ 1.2550-1.2600 ได้ไม่ยาก ขณะที่หากนาย Gove หรือนายกฯคนใหม่สามารถนำพาให้อังกฤษและ EU หาจุดลงตัวในข้อตกลง Brexit และได้รับการยอมรับจากรัฐสภาอังกฤษได้ ค่าเงินปอนด์ก็จะพุ่งทะยานไปถึง 1.3300-1.3500 ดอลลาร์ต่อปอนด์ได้ไม่ยากในช่วงกุมภาพันธ์และมีนาคมปีหน้า แต่หากสถานการณ์กลับตรงกันข้ามคือ นายกฯคนในใหม่ที่เข้ามาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในรัฐสภาได้หรือมีท่าทีที่แข็งกร้าวกับ EU มาก โอกาสเกิด No-Deal Brexit จะสูงขึ้นทันที และมีโอกาสสูงที่ค่าเงินปอนด์จะหลุด 1.2000 ดอลลาร์ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า